วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ยกเครื่องความคิด (REWORK)

สวัสดีครับ วันนี้ขอนำเสนอหนังสือธุรกิจแหวกแนว ที่แตกต่างจากหนังสือให้คำแนะนำทางธุรกิจที่หาได้กราดเกรื่อนทั่วไป... ยกเครื่องความคิด (REWORK)

หนังสือธุรกิจที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งความคิดและมุมมองใหม่ ช่วยปรับปรุงการทำธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้มุมมองในแง่ที่แตกต่างไปจากหนังสือแนะนำทั่ว ๆ ไป  พูดง่าย ๆ คือ หนังสือธุรกิจแหกคอกนั่นเอง (ในทางที่ดีนะ)  ;)

สำหรับเนื้อหาในหนังสือแบ่งออกเป็นตอนสั้น ๆ ช่วยให้อ่านและจับใจความได้ง่าย เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ของผู้แต่งซึ่งเป็นเจ้าของ software house และ เจ้าของ blog 37signals  บริษัทเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจะไม่ขยายให้ใหญ่โต ด้วยแนวคิดที่แปลกและไม่เหมือนใคร ก็เป็นส่วนช่วยให้บริษัทนี้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน (ในแง่รายได้ ไม่ใช่ขนาดบริษัท) ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางที่ผู้แต่งพยายามนำเสนอ เพราะบริษัทที่จ้างคนมากเกินความจำเป็น จะเป็นการสร้างความลำบากให้กับเจ้าของบริษัท มากกว่าการทำให้งานต่าง ๆ สบายขึ้น...

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ (เหมือนไม่ได้ใช้คำนี้มานานมาก) ขอยกตัวอย่าง คำแนะนำบางส่วนจากหนังสือก็แล้วกันนะครับ เผื่อจะได้เห็นภาพ... ตอน ว่าจ้างเมื่อเริ่มเจ็บ เป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจ้างงานว่าเราไม่ควรจะจ้างเพื่อความพอใจ แต่เราควรเริ่มมองหาคนที่เราจะจ้างเมื่อเราจำเป็นจริง ๆ ไม่สามารถใช้โปรแกรมช่วยหรือเปลี่ยนการทำงาน และไม่สามารถมองข้ามไปได้... รวมไปถึงเมื่อมึคนออก อย่างเพิ่งจ้างคนใหม่ให้ลองดูก่อนว่าเราจำเป็นจริง ๆ หรือป่าว ถ้าจะเอาให้เป็นรูปธรรมคือเมื่อคุณภาพงานเริ่มถดถอย นั่นแหละเป็นจุดบอกว่าธุรกิจเริ่มเจ็บแล้ว

ขอสรุปเลยแล้วกันครับว่าสำหรับคนที่อยากลองมองธุรกิจในมุมนอกกรอบ ผมก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ ไม่แน่นะ คุณอาจได้ไอเดียดี ๆ จากหนังสือ ที่สามารถนำมาปรับปรุงธุรกิจหรือการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้.... ไม่ลองไม่รู้นะครับ    ขอให้ร่ำรวยกันถ้วนหน้า มีความสุขกับการอ่านหนังสือครับ :)


วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ปริศนาสมบัติอัศวิน (THE LAST TEMPLAR)




หลังจากรีวิวนิยายสืบสวนสอบสวนมาพักใหญ่ ส่วนมากก็ของพี่ญี่ปุ่นทั้งนั้น ก็ได้เวลาโอนค่ายย้ายมารีวิวนิยายของฝั่งฝรั่งบ้าง.... ถ้าคนเคยอ่านนิยายของฝรั่งก็จะรู้ว่า นิยายส่วนมากของฝรั่งจะเล่มเป้งมาก คือใหญ่ กว่านิยายของพี่ยุ่นอย่างเห็นได้ชัด (แหมะ ถ้าไม่เชื่อนะ ลุกออกจากคอมแล้วเดินไปดูที่ร้านหนังสือเลย)  แต่ไม่ต้องกลัวเพราะรีวิวของเราไม่ได้ขึ้นกับขนาดหนังสือหรอก จริงจิ๊งงงงนะ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกิดคดีปล้นพิพิธภัณฑ์ เรื่ององราวจะธรรมดามากเลยถ้าแค่มีคนแอบย่องเข้าไปขโมยของหรือมีคนควงปืนบุกปล้น  แต่เหตุการณ์ไม่ได้ธรรมดาเยี่ยงนั้น.... เมื่อมีชายสี่คนแต่งกายด้วยชุดอัศวินเทมปลาร์ (Templar) ขี่ม้าบุกเข้าไปในพิธีเปิดนิทรรศการสมบัติวาติกัน ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน (The MET) กลางเมืองนิวยอร์ค  และได้ขโมยสมบัติที่หาค่าเปรียบไม่ได้ไปหลายชิ้น รวมไปถึงเครื่องถอดรหัสด้วย

การกระทำอันอุกอาจนี้ทำให้ ฌอน ไรล์ลี สายลับเอฟบีไอกับเทส เชย์กิ้น นักโบราณคดีสาว ต้องเข้าสู่การไล่ล่าที่สุดแสนอันตรายจากนักฆ่า ต้องเดินทางข้ามทวีปเพื่อติดตามหาค้นร้ายและต้องไล่ตามหาความจริงของปริศนา ความจริงที่ซึ่งจมลงไปพร้อมกับเรือฟอลคอนเทมเปิล ความจริงที่จะสั่นสะเทือนโลกใบนี้...

ปล. ผู้แต่งเรื่องได้เชื่อมโยงเนื้อเรื่องไปถึงคริสต์ศาสนา (ฝรั่งก็ชอบป่วนอย่างงี้แหละ... แต่เข้าใจด้วยนะว่ามันเป็นเรื่องแต่ง) เพราะฉะนั้น อาจขัดหูขัดตาบ้างนะสำหรับคนที่นับถือศาสนานี้  เอาเป็นว่า เราเตือนท่านแล้วนะ  อยากจะอ่านก็ตามใจ   แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ขอแนะนำเลยเพราะมันสนุกและน่าติดตามอย่างแฮง(อย่างแรง)