วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ตอนที่ 1 ทริปหรรษาสู่ Houston สู่ความเวิ้งว้าง อันไกลโพ้น(ทะเล)

และแล้วก็ถึงฤกษ์งามยามดีจะได้เดินทางไป Houston ซํกที นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เดินทางแบบ Business Trip แอบตื่นเต้น อย่างแรง เพราะได้ยินจากคำล่ำลือมาเยอะ ว่าดีอย่างนู้น ดีอย่างนี้ ก็ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ลองกะเขาบ้าง เอาละไม่ต้องพูดพร่ะทำแป๊ะมากเลยเรื่องเลยดีกว่า

ทริปนี้แอบขรุขระนิดหน่อย กอปรกับตรงที่เวลาค่อนข้างกระชั้นเลยต้องรีบทำอะไรให้เสร็จทำให้หัวปั่นนิดหน่อย

ขอเริ่มต้นเรื่องที่ค่ำคืนวันพฤหัสที่ฝนพรำ ๆ … ผมก็ทำนู่นทำนี่รอเวลาเดินทางในยามค่ำคืน เนื่องด้วยเครื่องบินนั้นมีตารางจะออกบินตอนหกโมงเช้าของวันศุกร์ (6 am) นั่นเอง ก็เลยทำให้คืนนี้ต้องโต้รุ่งเลยทีเดียว ที่จริงตอนแรกว่าจะนอนซักหน่อยรอใกล้ ๆ เวลาค่อยออกบ้าน แต่โดนหลายคนไซโค + กลัวรถติด น้ำท่วมทาง ก็เลยวางแผนที่จะออกบ้านเร็วกว่าที่คิดนิดหน่อย คือตอนแรกว่าจะออกซักตี 3 ไปถึงจะได้ไม่ต้องรอนาน แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องออกบ้านตอนตี 2 เพื่อความปลอดภัย และแน่นอนจะออกบ้านตี 2 คงไม่ได้นอนแน่นอน ไม่งั้นหลับยาวตื่นไม่ทันชัวร์ แต่ที่น่าแปลกคือไม่ว่าจะต้อง โต้รุ่งคราใด ก็ต้องมาดันง่วงนอน โคตร ๆ ทุกที ทีวันที่อื่นกะว่าจะนอนไม่ดึก ซึ่งรู้ตัวอีกทีก็ ตี 2 ยังนอนดูหนังเล่นเกมไม่มีปัญหา =____=

แล้วรอบนี้ก็แปลก ปกติผมคงไปโบกรถแท็กซี่หน้าบ้านไปสุวรรณภูมิแต่ด้วยการโดนไซโค(อีกแล้ว) เลยโทรแจ้งศุนย์ เรียกแท็กซี่มารับ ตี 2 ตรง …แท็กซี่ ก็มารับตรงเวลาดี และเมื่อล้อหมุนออกมาจากบ้านก็ได้พบว่า แหมะถนนโคตรว่างเลย ตูรีบออกบ้านทำไมเนี่ย รู้งี้นั่งเล่นเกมอีกซํกหน่อยดีกว่า ระหว่างทางก็กึ่งหลับกึ่งตื่นจนมาถึงสุวรรณภูมิ



กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ พร้อมของเต็มอัตรจุ


พอมาถึงสุวรรณภูมิก็ตรงดิ่งไปที่ counter ของทาง United Airline ซึ่งยังไม่เปิด พอมองที่นาฬิกา ก็ อ้าวตี 2:45 เอง ว่าอยู่ทำไมยังไม่เปิด ก็เลยนั่ง(หลับ)รอแถวนั้น ขณะกำลังเข้าสู่สมาธิระดับสูง(หลับ) ก็มีสายเรียกเข้าจากหม่อมแม่ ประมาณตี 3 กว่า ๆ
“ถึงไหนแล้ว ถึงสนามบินยัง” หม่อมแม่ถาม

งัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์ “ถึงแล้วครับ พอดีนั่ง(หลับ) รอเช็คอินครับ มาถึงตั้งแต่ตี 2:45 ครับ ว่าแต่ตื่นเร็วจังวันนี้ ปกติตื่นตอนตี 5 ไม่ใช่เหรอ”

หม่อมแม่บอก “ก็พอดีตื่นแล้วนอนไม่หลับหน่ะ เดี๋ยวคงออกไปออกกำลังกายแล้ว แล้วก็เลิกนอนได้ละ ไปเตรียมเช็คอินได้แล้ว เดี๋ยวขึ้นเครื่องก็นอนตลอดทาง”

ผม “อะนะ เป็นห่วงก็บอกก็ได้” อันนี้ม่ได้พูดแต่แอบคิดในใจ

ไอ้ที่ตอบจริง ๆ คือ “ครับ” พร้อมหันไปมองที่ counter ซึ่งได้เปิดบริการให้เช็คอินได้แล้ว

“งั้นเดี๋ยวไปเช็คอินกระเป๋าก่อนแล้วกันครับ”

“จ้า โชคดีนะ เดินทางปลอดภัย”

“ขอบคุณครับ” พร้อมกับวางหูไป

หลังจากวางหูก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายพร้อมไปเช็คอิน
ณ counter เช็คอิน ทุกอย่างเรียบร้อยดีได้บัตรดังรูป + บัตรเข้า/ออกประเทศ



ตั๋วเครื่องบิน 3 ต่อ มาราธอนจริง ๆ

แต่ด้วยความที่โชคดีที่เราบินแบบ business class จึงได้รับการตอนรับแบบพิเศษ(มั้ง)

พนักงาน “ทางเรามี lounge(ขอเรียกเล้า แล้วกันจะได้พิมพ์ง่าย ๆ) บริการด้วยนะคะ สามารถใช้ เล้าของการบินไทยได้ ซึ่งจะเปิดตอนตี 4 นะคะ ”

พนักงานกว่าต่อ “พอเข้าไปข้างในจากตรวจคนขาออก ก็เลี้ยวซ้ายเดินตรงไป ลงข้างล่างค่ะ”

ผมมองนาฬิกา ตี 3 กว่า ๆ เอง “ครับ ขอบคุณครับ ” แล้วก็เดินแยกออกมาพร้อมกระเป๋าลากอีกใบที่เหลือ
ขณะเดินก็คิดในใจ ก็ดีนะมีเล้า บริการด้วย อยากลองเข้าไปดูเป็นบุญตา บุญตูดก็ดีเหมือนกัน ซึ่งจากที่ฟังคงใกล้ๆ ไปไม่ยาก กว่าจะตี 4 ไปเดินเล็งของใน duty free ก่อนแล้วกัน พอคิดได้ก็เดินตรงไปยังที่ ตรวจคนขาออก

ซึ่งกระบวนการมาตรฐานไม่ต้องอธิบายมาก ก็มีตรวจคนออก พร้อม scan ตรวจของที่จะเอาขึ้นเครื่อง ซึ่งก็ผ่านมาได้โดยใช้เวลาไม่มาก … โชคดีวันนี้คนไม่เยอะ…

พอเข้าไปในอาณาเขตช็อปปิ้ง duty free ก็พบว่าร้านค้าส่วนมากจะเป็นลักษณะ ร้านเปิดแต่ไม่มีคนขาย (ซึ่งชอบมากจะได้ ไม่ต้องสบตาคนขายตอนดูของ เพราะไม่กะจะซื้ออะไรอยู่แล้ว) ก็เดินเล่นไปมา เข้าออกร้านนู้นร้านนี้ ซึ่งด้วยความไม่ใช่ขาช็อปจึงเดินผ่าน ๆ กะว่าแค่เดินเล่นรอเวลา เล้า เปิด จะได้ไปนั่งรอขึ้นเครื่องที่นั่น
หลังจากเดินจนเมื่อยขาแล้วก็เหลือบไปดูนาฬิกาข้อมือ ซึ่งบอกว่าตอนนี้ เป็นเวลาตี 4 กว่าละพอดีเลยเริ่มเบื่อละ จะได้นั่งพักซักที อืมว่าแต่มันอยู่ตรงไหนหว่า เพราะระหว่างเดินดูของก็พยายามมองหาเล้า แต่ก็ไม่เจอ ก็ระลึกได้ว่า พนักงานบอกว่า “เดินเข้าไปหลังต.ม. เลี้ยวขวา แล้วก็ลงไปข้างล่าง”

อืม ลองดูซิ ว่าแต่ลงข้างล่างของเองนี่ลงอันไหนฟะ ในเมื่อไม่มีป้ายหรือจุดสังเกตุก็ลองลงที่จุดแรกที่เจอบันไดละกัน ซึ่งพอลงไปข้างล่างก็พบว่า ไม่เห็นมีเลย ได้แต่คิดว่า หรือว่าตูลงผิดหว่าเอาวะไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองเดินต่อก่อนแล้วกัน ซึ่งระหว่างทางเดินก็เห็นพบเล้าของการบินต่าง ๆ สองข้างทางแต่ ไม่มีของการบินไทยเลยหว่า … หลังจากเดินวนอยู่พักใหญ่เจนเริ่มเมื่อย ก็เลยไปถามคนแถวนั้นดีกว่าจะได้ไม่ต้องงมต่อ ซึ่งก็ได้ความว่าต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกนะเออ จึงจะเจอเล้า ซึ่งตอนหลังเพิ่งสังเกตว่ามันมีป้ายบอกซึ่งตั้งหลบอยู่หลังเสา แต่ก็คงเหมือนเดิมเพราะมีป้ายแต่ไม่บอกว่าต้องเดินไปข้างไหนเหมือนเดิม

หลังจากเดินลากขา อันเมื่อยตุ้มจากการเดินหาเล้า เข้าไปยังโซฟาไฮโซ ซึ่งจัดไว้อย่างหรูหราต่างจากเก้าอี้เหล็กของสนามบินลิบลับ หลังจากหย่อนก้นนั่งพักได้สักครู่ก็เหลือบไปเห็นว่ามี อาหารว่างให้กินเล่นด้วย อาการหิวจากการเดินอันยาวนาน + เห็นแก่กิน ก็เลยไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ดู แล้วก็ตักมาชิมนิดหน่อย ดังภาพ


อาหารจากเล้าการบินไทย

โดยรวมอาหารดูน่ากิน แต่ติดที่ว่าเย็นไปหน่อยไม่งั้นจะดีกว่านี้

เสร็จจากการกินของว่าง ที่เกือบจริงจัง ก็นั่งพักที่โซฟาแสนสบาย นั่งไปซักพักตาเริ่มปรือ ก็เลยกะว่าพักสายตาซักนิด….. คร่อก….. ฟรี้ …..

“อืด อืด อืด” เสียงโทรศํพท์สั่นในกระเป๋ากางเกง พลางงัวเงียมารับสาย ก่อนรับก็เหลือบไปมองก่อนว่าใครโทรมา ก็เห็นว่าแม่โทรมาเลย ทักทายไปประสาลูกที่ดี “สวัสดีครับ”

“เป็นยังไงบ้าง ทำอะไรอยู่ ขึ้นเครื่องกี่โมงเหรอ” หม่อมแม่ถามมา

“พอดีตะกี้งีบหลับไปนิดนึงหน่ะครับ ตอนนี้นั่งรอเวลาอยู่ เล้า ของการบินไทยครับ” หลังจากตอบเสร็จ ก็หันไปมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้บอกเวลาตี 5 กว่า ๆ ซึ่งใกล้ได้เวลาขึ้นแล้ว จึงตอบต่อไปว่า

“เดี๋ยวซักพักก็เดินไปที่ Gate แล้วครับ พอดีมันห่างออกไปหน่อย”

“จ้า ก็อย่านอนมากแล้วกัน ไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย เดี๋ยวขึ้นเครื่องก็ได้นอนอีกแล้ว”

“ครับ” ผมตอบกลับ

“งั้นเดี๋ยวออกไปตลาดก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะ”

“ขอบคุณครับ” ผมตอบรับพร้อมวางสายไป

หลังจากขยับตัวบิดขี้เกียจเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินกลับไปยัง Gate ซึ่งก็ไกลจากเล้าที่พักพอสมควรเลยทีเดียว
พอเดินมาถึงที่ Gate ก็มีการตรวจกระเป๋าอีกรอบเพื่อเช็คความเรียบร้อย หลังจากที่ตรวจกระเป๋าเสร็จ พนักงานสายการบินก็เริ่มประกาศเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องตามฐานะการเงิน (จริงๆ นะไม่ได้ประชด) เริ่มจาก อภิมหาบัตร และ เม็มเบอร์ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Elite, Gold, Diamond ด๋อย อะไรไม่รู้เยอะแยะ จากนั้นก็เป็นพวก First class ตามด้วยคิวของเรา Business class ซึ่ง ก็จัดเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน หลังจากเช็คบัตรโดยสารก็เดินเข้าอุโมงค์ตามชาวบ้านไป ซึ่งพอเดินเข้าไปซักอุโมงค์ มันก็แบ่งเป็น 2 ทาง สำหรับอภิสิทธิ์ชน(พวกจ่ายแพง) กับบุคคลทั่วไป (economic)

เอาหล่ะ หลังจากเดินเข้าไปแล้วมีเรื่องโม้ต่อ แต่เดี๋ยวยาวเกินไป เลยแยกเป็นตอนต่อไปก็แล้วกัน
ปล. เขียนเอามันส์ เหมือนเดิม มีคอมเม้นท์อะไร ก็พิมพ์บอกได้เลยนะครับ เพราะปกติ ไม่รู้มีคนอ่านไหม หรือว่าเขียนเองอ่านเองอยู่คนเดียว

ปล2 ตอนอื่น ๆ เขียนไปได้เกือบเสร็จแล้ว มาติดที่ตอนแรกยังเขียนไม่เสร็จเลยต้องรอไปก่อน เพราะตอนแรกดันเขียนลงกระดาษ ตอนหลัง ๆ พิมพ์เอา พอดีเพิ่งมาฉลาด 555+

ปล3 เขียนรอบนี้ไม่มีคนช่วยตรวจทาน พิมพ์ผิดพิมพ์เถือกบ้างก็อย่าคิดมาก แต่ถ้าอยากให้เนียน ๆ ก็บอกมาได้นะครับ จะได้แก้ให้ถูกต้อง ไม่ระคายเคืองตา

ปล4 ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน

ปล5 ขอบคุณทางบริษัทด้วยที่ให้โอกาสมาเที่ยว เฮ้ยไม่ใช่ เขาให้มาเทรน

ปล6 บางมุกงืดบ้างแป๊กบ้างก็อย่าคิดมาก ที่เห็นเนี่ยพยายามแล้วไม่ใช่สักแต่เขียนให้มันยาวเข้าไว้ …จิง จิ๊งงงง (เสียงสูงสุดกู่)
ปล7 เยอะไปแล้ว….
…พบกันในตอนต่อไป ที่มีชื่อว่า (ยังไม่คิด เดี๋ยวอัพเมื่อไหร่ก็รู้เองแหละ)….

1 ความคิดเห็น: