ทริปนี้แอบขรุขระนิดหน่อย กอปรกับตรงที่เวลาค่อนข้างกระชั้นเลยต้องรีบทำอะไรให้เสร็จทำให้หัวปั่นนิดหน่อย
ขอเริ่มต้นเรื่องที่ค่ำคืนวันพฤหัสที่ฝนพรำ ๆ … ผมก็ทำนู่นทำนี่รอเวลาเดินทางในยามค่ำคืน เนื่องด้วยเครื่องบินนั้นมีตารางจะออกบินตอนหกโมงเช้าของวันศุกร์ (6 am) นั่นเอง ก็เลยทำให้คืนนี้ต้องโต้รุ่งเลยทีเดียว ที่จริงตอนแรกว่าจะนอนซักหน่อยรอใกล้ ๆ เวลาค่อยออกบ้าน แต่โดนหลายคนไซโค + กลัวรถติด น้ำท่วมทาง ก็เลยวางแผนที่จะออกบ้านเร็วกว่าที่คิดนิดหน่อย คือตอนแรกว่าจะออกซักตี 3 ไปถึงจะได้ไม่ต้องรอนาน แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ต้องออกบ้านตอนตี 2 เพื่อความปลอดภัย และแน่นอนจะออกบ้านตี 2 คงไม่ได้นอนแน่นอน ไม่งั้นหลับยาวตื่นไม่ทันชัวร์ แต่ที่น่าแปลกคือไม่ว่าจะต้อง โต้รุ่งคราใด ก็ต้องมาดันง่วงนอน โคตร ๆ ทุกที ทีวันที่อื่นกะว่าจะนอนไม่ดึก ซึ่งรู้ตัวอีกทีก็ ตี 2 ยังนอนดูหนังเล่นเกมไม่มีปัญหา =____=
แล้วรอบนี้ก็แปลก ปกติผมคงไปโบกรถแท็กซี่หน้าบ้านไปสุวรรณภูมิแต่ด้วยการโดนไซโค(อีกแล้ว) เลยโทรแจ้งศุนย์ เรียกแท็กซี่มารับ ตี 2 ตรง …แท็กซี่ ก็มารับตรงเวลาดี และเมื่อล้อหมุนออกมาจากบ้านก็ได้พบว่า แหมะถนนโคตรว่างเลย ตูรีบออกบ้านทำไมเนี่ย รู้งี้นั่งเล่นเกมอีกซํกหน่อยดีกว่า ระหว่างทางก็กึ่งหลับกึ่งตื่นจนมาถึงสุวรรณภูมิ
กระเป๋าเดินทาง 2 ใบ พร้อมของเต็มอัตรจุ
พอมาถึงสุวรรณภูมิก็ตรงดิ่งไปที่ counter ของทาง United Airline ซึ่งยังไม่เปิด พอมองที่นาฬิกา ก็ อ้าวตี 2:45 เอง ว่าอยู่ทำไมยังไม่เปิด ก็เลยนั่ง(หลับ)รอแถวนั้น ขณะกำลังเข้าสู่สมาธิระดับสูง(หลับ) ก็มีสายเรียกเข้าจากหม่อมแม่ ประมาณตี 3 กว่า ๆ
“ถึงไหนแล้ว ถึงสนามบินยัง” หม่อมแม่ถาม
งัวเงียตื่นมารับโทรศัพท์ “ถึงแล้วครับ พอดีนั่ง(หลับ) รอเช็คอินครับ มาถึงตั้งแต่ตี 2:45 ครับ ว่าแต่ตื่นเร็วจังวันนี้ ปกติตื่นตอนตี 5 ไม่ใช่เหรอ”
หม่อมแม่บอก “ก็พอดีตื่นแล้วนอนไม่หลับหน่ะ เดี๋ยวคงออกไปออกกำลังกายแล้ว แล้วก็เลิกนอนได้ละ ไปเตรียมเช็คอินได้แล้ว เดี๋ยวขึ้นเครื่องก็นอนตลอดทาง”
ผม “อะนะ เป็นห่วงก็บอกก็ได้” อันนี้ม่ได้พูดแต่แอบคิดในใจ
ไอ้ที่ตอบจริง ๆ คือ “ครับ” พร้อมหันไปมองที่ counter ซึ่งได้เปิดบริการให้เช็คอินได้แล้ว
“งั้นเดี๋ยวไปเช็คอินกระเป๋าก่อนแล้วกันครับ”
“จ้า โชคดีนะ เดินทางปลอดภัย”
“ขอบคุณครับ” พร้อมกับวางหูไป
หลังจากวางหูก็ลุกขึ้นยืดเส้นยืดสายพร้อมไปเช็คอิน
ณ counter เช็คอิน ทุกอย่างเรียบร้อยดีได้บัตรดังรูป + บัตรเข้า/ออกประเทศ
ตั๋วเครื่องบิน 3 ต่อ มาราธอนจริง ๆ
แต่ด้วยความที่โชคดีที่เราบินแบบ business class จึงได้รับการตอนรับแบบพิเศษ(มั้ง)
พนักงาน “ทางเรามี lounge(ขอเรียกเล้า แล้วกันจะได้พิมพ์ง่าย ๆ) บริการด้วยนะคะ สามารถใช้ เล้าของการบินไทยได้ ซึ่งจะเปิดตอนตี 4 นะคะ ”
พนักงานกว่าต่อ “พอเข้าไปข้างในจากตรวจคนขาออก ก็เลี้ยวซ้ายเดินตรงไป ลงข้างล่างค่ะ”
ผมมองนาฬิกา ตี 3 กว่า ๆ เอง “ครับ ขอบคุณครับ ” แล้วก็เดินแยกออกมาพร้อมกระเป๋าลากอีกใบที่เหลือ
ขณะเดินก็คิดในใจ ก็ดีนะมีเล้า บริการด้วย อยากลองเข้าไปดูเป็นบุญตา บุญตูดก็ดีเหมือนกัน ซึ่งจากที่ฟังคงใกล้ๆ ไปไม่ยาก กว่าจะตี 4 ไปเดินเล็งของใน duty free ก่อนแล้วกัน พอคิดได้ก็เดินตรงไปยังที่ ตรวจคนขาออก
ซึ่งกระบวนการมาตรฐานไม่ต้องอธิบายมาก ก็มีตรวจคนออก พร้อม scan ตรวจของที่จะเอาขึ้นเครื่อง ซึ่งก็ผ่านมาได้โดยใช้เวลาไม่มาก … โชคดีวันนี้คนไม่เยอะ…
พอเข้าไปในอาณาเขตช็อปปิ้ง duty free ก็พบว่าร้านค้าส่วนมากจะเป็นลักษณะ ร้านเปิดแต่ไม่มีคนขาย (ซึ่งชอบมากจะได้ ไม่ต้องสบตาคนขายตอนดูของ เพราะไม่กะจะซื้ออะไรอยู่แล้ว) ก็เดินเล่นไปมา เข้าออกร้านนู้นร้านนี้ ซึ่งด้วยความไม่ใช่ขาช็อปจึงเดินผ่าน ๆ กะว่าแค่เดินเล่นรอเวลา เล้า เปิด จะได้ไปนั่งรอขึ้นเครื่องที่นั่น
หลังจากเดินจนเมื่อยขาแล้วก็เหลือบไปดูนาฬิกาข้อมือ ซึ่งบอกว่าตอนนี้ เป็นเวลาตี 4 กว่าละพอดีเลยเริ่มเบื่อละ จะได้นั่งพักซักที อืมว่าแต่มันอยู่ตรงไหนหว่า เพราะระหว่างเดินดูของก็พยายามมองหาเล้า แต่ก็ไม่เจอ ก็ระลึกได้ว่า พนักงานบอกว่า “เดินเข้าไปหลังต.ม. เลี้ยวขวา แล้วก็ลงไปข้างล่าง”
อืม ลองดูซิ ว่าแต่ลงข้างล่างของเองนี่ลงอันไหนฟะ ในเมื่อไม่มีป้ายหรือจุดสังเกตุก็ลองลงที่จุดแรกที่เจอบันไดละกัน ซึ่งพอลงไปข้างล่างก็พบว่า ไม่เห็นมีเลย ได้แต่คิดว่า หรือว่าตูลงผิดหว่าเอาวะไหน ๆ ก็ไหน ๆ ลองเดินต่อก่อนแล้วกัน ซึ่งระหว่างทางเดินก็เห็นพบเล้าของการบินต่าง ๆ สองข้างทางแต่ ไม่มีของการบินไทยเลยหว่า … หลังจากเดินวนอยู่พักใหญ่เจนเริ่มเมื่อย ก็เลยไปถามคนแถวนั้นดีกว่าจะได้ไม่ต้องงมต่อ ซึ่งก็ได้ความว่าต้องเลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกนะเออ จึงจะเจอเล้า ซึ่งตอนหลังเพิ่งสังเกตว่ามันมีป้ายบอกซึ่งตั้งหลบอยู่หลังเสา แต่ก็คงเหมือนเดิมเพราะมีป้ายแต่ไม่บอกว่าต้องเดินไปข้างไหนเหมือนเดิม
หลังจากเดินลากขา อันเมื่อยตุ้มจากการเดินหาเล้า เข้าไปยังโซฟาไฮโซ ซึ่งจัดไว้อย่างหรูหราต่างจากเก้าอี้เหล็กของสนามบินลิบลับ หลังจากหย่อนก้นนั่งพักได้สักครู่ก็เหลือบไปเห็นว่ามี อาหารว่างให้กินเล่นด้วย อาการหิวจากการเดินอันยาวนาน + เห็นแก่กิน ก็เลยไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ดู แล้วก็ตักมาชิมนิดหน่อย ดังภาพ
อาหารจากเล้าการบินไทย
โดยรวมอาหารดูน่ากิน แต่ติดที่ว่าเย็นไปหน่อยไม่งั้นจะดีกว่านี้
“อืด อืด อืด” เสียงโทรศํพท์สั่นในกระเป๋ากางเกง พลางงัวเงียมารับสาย ก่อนรับก็เหลือบไปมองก่อนว่าใครโทรมา ก็เห็นว่าแม่โทรมาเลย ทักทายไปประสาลูกที่ดี “สวัสดีครับ”
“เป็นยังไงบ้าง ทำอะไรอยู่ ขึ้นเครื่องกี่โมงเหรอ” หม่อมแม่ถามมา
“พอดีตะกี้งีบหลับไปนิดนึงหน่ะครับ ตอนนี้นั่งรอเวลาอยู่ เล้า ของการบินไทยครับ” หลังจากตอบเสร็จ ก็หันไปมองนาฬิกา ซึ่งตอนนี้บอกเวลาตี 5 กว่า ๆ ซึ่งใกล้ได้เวลาขึ้นแล้ว จึงตอบต่อไปว่า
“เดี๋ยวซักพักก็เดินไปที่ Gate แล้วครับ พอดีมันห่างออกไปหน่อย”
“จ้า ก็อย่านอนมากแล้วกัน ไปเดินยืดเส้นยืดสายหน่อย เดี๋ยวขึ้นเครื่องก็ได้นอนอีกแล้ว”
“ครับ” ผมตอบกลับ
“งั้นเดี๋ยวออกไปตลาดก่อนนะ เดินทางปลอดภัยนะ”
“ขอบคุณครับ” ผมตอบรับพร้อมวางสายไป
หลังจากขยับตัวบิดขี้เกียจเสร็จแล้วก็ได้เวลาเดินกลับไปยัง Gate ซึ่งก็ไกลจากเล้าที่พักพอสมควรเลยทีเดียว
พอเดินมาถึงที่ Gate ก็มีการตรวจกระเป๋าอีกรอบเพื่อเช็คความเรียบร้อย หลังจากที่ตรวจกระเป๋าเสร็จ พนักงานสายการบินก็เริ่มประกาศเริ่มเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องตามฐานะการเงิน (จริงๆ นะไม่ได้ประชด) เริ่มจาก อภิมหาบัตร และ เม็มเบอร์ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Elite, Gold, Diamond ด๋อย อะไรไม่รู้เยอะแยะ จากนั้นก็เป็นพวก First class ตามด้วยคิวของเรา Business class ซึ่ง ก็จัดเป็นกลุ่มอภิสิทธิ์ชน หลังจากเช็คบัตรโดยสารก็เดินเข้าอุโมงค์ตามชาวบ้านไป ซึ่งพอเดินเข้าไปซักอุโมงค์ มันก็แบ่งเป็น 2 ทาง สำหรับอภิสิทธิ์ชน(พวกจ่ายแพง) กับบุคคลทั่วไป (economic)
เอาหล่ะ หลังจากเดินเข้าไปแล้วมีเรื่องโม้ต่อ แต่เดี๋ยวยาวเกินไป เลยแยกเป็นตอนต่อไปก็แล้วกัน
ปล. เขียนเอามันส์ เหมือนเดิม มีคอมเม้นท์อะไร ก็พิมพ์บอกได้เลยนะครับ เพราะปกติ ไม่รู้มีคนอ่านไหม หรือว่าเขียนเองอ่านเองอยู่คนเดียว
ปล2 ตอนอื่น ๆ เขียนไปได้เกือบเสร็จแล้ว มาติดที่ตอนแรกยังเขียนไม่เสร็จเลยต้องรอไปก่อน เพราะตอนแรกดันเขียนลงกระดาษ ตอนหลัง ๆ พิมพ์เอา พอดีเพิ่งมาฉลาด 555+
ปล3 เขียนรอบนี้ไม่มีคนช่วยตรวจทาน พิมพ์ผิดพิมพ์เถือกบ้างก็อย่าคิดมาก แต่ถ้าอยากให้เนียน ๆ ก็บอกมาได้นะครับ จะได้แก้ให้ถูกต้อง ไม่ระคายเคืองตา
ปล4 ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่าน
ปล5 ขอบคุณทางบริษัทด้วยที่ให้โอกาสมาเที่ยว เฮ้ยไม่ใช่ เขาให้มาเทรน
ปล6 บางมุกงืดบ้างแป๊กบ้างก็อย่าคิดมาก ที่เห็นเนี่ยพยายามแล้วไม่ใช่สักแต่เขียนให้มันยาวเข้าไว้ …จิง จิ๊งงงง (เสียงสูงสุดกู่)
ปล7 เยอะไปแล้ว….
…พบกันในตอนต่อไป ที่มีชื่อว่า (ยังไม่คิด เดี๋ยวอัพเมื่อไหร่ก็รู้เองแหละ)….
เป็นลูกที่น่ารักนะเนี่ย
ตอบลบ