ตอนนี้ก็เวลาประมาณ 7 เช้าได้ คิดว่าแถวนี้คงพอมีร้านค้าอะไรกินบ้าง ก็เลยจัดการอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยพร้อมหาของกิน พอเดินออกจากโรงแรมมาก็เลี้ยวซ้ายเดินไปตามทางเดินลัดเลาะไปตามถนน เพราะจำได้ว่าเมื่อวานนี้เดินไปทางขวานั้นไม่มีร้านด๋อยอะไรขายอาหารเลย จึงต้องมาวัดดวงกับอีกข้างนึง ซึ่งจำได้ว่าเห็น Starbucks แว็บ ๆ แสดงว่า เวิ้งใกล้ ๆ กันก็น่าจะมีของกิน(มั้ง) ซึ่งการเดินรอบนี้ก็ไกลพอควรประมาณ 3 บล็อก (ประมาณ 10 นาที) พอเดินไปถึงก็ต้องแอบผิดหวังเพราะมีแค่ Starbucks กับ Jamba juice ไม่มีร้านอื่นเลย ก็ได้แต่แอบเซง แล้วก็เดินท้องกิ่วกลับมาที่โรงแรม
ฉากตัดมาที่โรงแรม เนื่องด้วยหิวข้าวอย่างแรง ก็เลยไปถามที่ reception ด้วยภาษาอังกฤษกาก ๆ ว่ามีอะไรกินไหม เฮ้ยไม่ใช่ ห้องอาหารอยู่ไหน เค้าก็ตอบกลับมาว่าอยู่ชั้น 2 ค่ะ ก็เลยไปส่อง ๆ ดู ก็เห็นห้องอาหารเปิดแล้วก็เลยเดินเข้าไป พนักงานก็ถามว่ามากับกรุ๊ปอะไรหรือเปล่า ผมก็ตอบไปว่า ไม่ครับ ผมมาคนเดียวครับ (แอบเหงาอย่างแรงด้วย) อันหลังนี้ไม่ได้พูดนะ คิดในใจเฉย ๆ พอตอบเสร็จ waitress ก็นำทางมายังโต๊ะอาหารพร้อมนำเมนูอาหารเช้ามาให้ แล้วก็ปล่อยให้เราดูเมนูซักพัก จากเมนูก็ไม่รู้จะกินอะไรก็เลยจิ้มอันที่แพงที่สุด เพราะมันดูได้เยอะสุดแล้ว (อารมณ์ตอนนั้นหิวมากกก) ก็เลยสั่งมา
อาหารเช้าสุดหรู ที่พอกินได้ รสชาติไม่เท่าไหร่ สู้โจ๊กหรือข้าวราดแกง ก็ไม่ได้ สงสัยลิ้นไม่ถึงมั้ง
พอโซ๊ยอาหารเช้าเสร็จแล้วก็เดิน กลับมาที่ห้องก็ไม่รู้จะทำอะไรเลยนอนดูทีวี ไปเรื่อย ๆ แบบตาปรือ ๆ เพราะหนังท้องตึงหนังตาเริ่มหย่อนละ ก็นอนกลิ้งไปมาบนเตียงจนถึงเกือบสิบโมงก็คิดว่าห้างไฮโซที่อยู่ฝั่งตรงข้ามน่าจะเปิดละ ก็เลยลุกขึ้นสลัดความขี้เกียจออกไป จะได้ไปเดินช็อปปิ้งดูของแก้เซ็ง พอออกจากห้องมาก็เดินสำรวจทางต่าง ๆ รวมทั้งทางหนีไฟ (อันนี้บริษัทสั่งสอนมาดี ถึงจะดูช้าไปนิด แต่ถ้าเป็นแต่ก่อนไม่คิดจะดูก็แล้วกัน) แล้วก็แว๊บไปดูฟิตเนสซึ่งหรูหราดีเหมือนกัน ซึ่งหรูกว่าสิริสาธร(ฟิตเนสแถวบริษัท)เยอะเลย ปล. ที่อื่นไม่เคยไปเลยไม่มีที่เทียบดีกว่านี้แล้ว :P
ตอนนี้ก็ได้เวลาไปเดินชมห้าง The Galleria ห้างใหญ่ยักษ์ประจำเมือง Houston ห้างนี้ตั้งอยู่ตรงข้ามโรงแรมนี่เอง ซึ่งในนั้นก็มีหลาย ๆ ช็อปปิ้งมอลล์ ที่หลาย ๆ คนรู้จัก แต่ผมไม่รู้ 555
ก็ไปเดินทอดน่องได้พักใหญ่ ก็ไปสะดุดกับป้าย Free Wi-Fi ในแผนที่ของทางห้าง ก็เลยตัดสินใจเดินกลับมาที่ห้องเพื่อจะเอาคอมไปนั่งเล่นเน็ตที่นั่น (ที่จริงทางโรงแรมมี Wi-Fi เสียตังให้เล่น แต่จนแล้วจนรอดก็ต่อไม่ติด ก็เลยไม่เล่นก็ได้วะ) หลังจากหยิบคอมเสร็จละ ก็ตรงกับมาที่ห้าง พร้อมกับสอดส่ายสายตาหาที่นั่งที่คิดว่าน่าจะทำให้นั่งเล่นอย่างสบาย ก็ไปเจอะกับเก้าอี้นวมดูสบายก้น ซึ่งก็สบายจริงเพราะนั่งแล้วจมลงไปเลย นั่งแล้วสบายมาก(แต่แอบร้อน) จากนั้นก็เปิดคอมเล่นเน็ตไปตามเรื่อง
เลยจนเพลินไปพักใหญ่ จนบ่ายนิด ๆ ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยง ก็เลยลงไปที่ชั้นใต้ดินของห้างนี้ซึ่งมีร้านอาหารเรียงรายตามทาง ซึ่งถ้าเทียบกับห้างไทยแล้วไม่เห็นฝุ่น คือที่นี่น้อยจนไม่เห็นฝุ่นของเมืองไทย คิดดูของพี่ไทยมีของกินแทบทุกชั้นร้านค้าเยอะแยะมากมาย ยิ่งถ้าไปเซ็นทรัลลาดพร้าว(ที่ทำใหม่แล้ว) จะทำให้คิดว่าเป็นแหล่งรวมของกิน เพิ่มแหล่งช็อปปิ้งมาเพิ่มเติมนิดหน่อยเท่านั้นเอง แต่ห้างใหญ่ยักษ์ที่นี่ มีที่กินข้าวอยู่กระจึ๋งนึง ขนาดฟู๊ดเซ็นเตอร์ชั้นใต้ดินซึ่งควรจะเป็นแหล่งรวมของกิน ก็มีอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเอง... สงสัยคนที่นี่ไม่ตั้งใจกินเหมือนคนของเรา
หลังจากเดินวนไปมาไม่รู้จะกินอะไรก็มาจบลงที่ร้าน Tabo bells ซึ่งขายอาหาร Mexican ที่จริงอยากกิน Chipotle มากแต่ไม่มีขายซะงั้นแอบเศร้า
ตอนนี้กินอิ่มแล้ว ละได้เวลาเดินชมร้านรวงต่าง ๆ ซึ่งประกอบด้วยช๊อปต่าง ๆ มากมาย ที่คนมุงเยอะสุดก็คงเป็น apple store ก็เลยเข้ายืนจิ้ม iPhone4S ดูบ้างเผื่อวันข้างหน้าจะได้มีโอกาสเป็นเจ้าของ หลังจากไปยืนเล่นของเค้าได้พักนึงก็ออกมา เดินชมร้านอื่นต่อไป ก็ไปหยุดที่ American eagle ซึ่งจากเดินชมพักนึง ก็จากออกมาพร้อมด้วยเสื้อยืด 2 ตัวในราคาไม่แพง... ผมซื้อแต่ของ SALE
เดินได้ถึง 4 โมงเย็นก็เริ่มง่วงกับเมื่อยเท้า ก็เลยตัดสินใจกลับห้องดีกว่า ก่อนกลับเข้าห้องก็ไม่ลืมแวะไปยัง Walgreen ซื้อน้ำกะไอติมมาตุนไว้ในห้อง
หลังจากเดินเข้าห้องเรียบร้อยก็ได้เวลาพักสายตา ซึ่งรู้ตัวอีกทีก็ประมาณ 4 ทุ่มเนื่องจากมีเพื่อน ของพี่ที่บริษัทโทรมาหา ซึ่งโทรไปหาเขาก่อนช่วงบ่าย ๆ ซึ่งแผนในตอนแรกกะว่าจะเกาะคนนี้เที่ยว แต่หลังจากคุยกันได้ซักพักก็พบว่าอยู่เมืองอื่น เลยงืดตามระเบียบ
พอตื่นมาแล้วก็หิว(อีกแล้ว) ก็เลยโทรไปที่ reception เพื่อสั่งอาหารมากินที่ห้อง ซึ่งมื้อดึกคืนนี้ก็คือ
หลังจากโซ้ยเสร็จก็นั่งดูหนังสักพัก นั่งเขียนบล็อกอีกนิด อ่านหนังสือ อีกหน่อย แล้วก็ปีนขึ้นเตียงนอนต่อ เป็นอันจบกิจกรรมของวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น