เริ่มเรื่องเลยละกัน ช่วงเช้า ตั้งแต่มานี่ยังนอนหลับไม่ค่อยเต็มที่เลย ทั้งเรื่อง time zone ที่ต่างจากเมืองไทยเกือบ 12 ชั่วโมง ทั้งแปลกที่แปลกทาง เลยพาลให้รู้สึกพักผ่อนไม่เต็มที่ ทั้ง ๆ ที่นอนก็เยอะนะ
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่สลึมสลือตื่นมาตั้งกะตี 4 ก็เลยนอนกลิ้งไปหวังจะหลับอีกซักรอบก็ไม่หลับ จนถึงประมาณ หกโมงครึ่ง ก็เลยลุกจากเตียงเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน พอแต่งหล่อเรียบร้อย ก็ลงไป lobyy แล้วให้คนที่หน้าประตูโรงแรมเรียกแท็กซี่ให้ จะได้ไปที่ทำงาน
พอมาถึงที่ออฟฟิตแล้ว ก็ตรงดิ่งไปติดต่อกับ reception ให้ติดต่อคนที่เราจะมาเทรนด้วย ซึ่งก็เจอว่ายังไม่มา … ก็ไม่แปลกเพราะไปค่อนข้างเช้า เอาวะยังไม่มาก็ไม่เป็นไร เดินไปหาอะไรกินก่อนแล้วกัน บรรยากาศข้างตึกค่อนข้างดี เขียวชอุ่ม โรงอาหาร (Bistro) ที่นี่ก็หรูหรา ดูดี ไม่ใช่ที่กินข้าวใต้ตึกเหมือนที่ออฟฟิต แต่ความไฮโซแบบฝรั่งก็แลกกับอาหารแบบฝรั่งเพราะมีแต่อาหารฝรั่ง และเปิดอยู่ร้านเดียว ไปยืนดูเมนูซักพักก็สั่ง Burrito ซึ่งเป็นอาหาร Mexican มากิน ซึ่งก็ดีกว่าที่โรงแรมนิดหน่อยเพราะเบื่ออาหาร American แล้ว ใน bistro นี้เป็นร้านจับจ่าย คือ จับของที่จะกินมาใส่ถาด แล้วไปจ่ายตังที่เคาน์เตอร์คิดตัง รวมกันเป็น ร้านจับจ่าย.. มุกนี้ งืดแน่เลย T__T
ภาพบรรยากาศรอบ ๆ ออฟฟิศ และ บริสโต
พอกินข้าวเสร็จก็กลับไปเสนอหน้าที่ reception เหมือนเดิม นั่งรอได้พักใหญ่ เค้า (จากนี้ขอเรียกพี่เบิ้มละกันเพราะตัวสูงอย่างแรง) ก็มาจนได้ ก็ทักทายพอเป็นพิธี จากนั้นก็เดินตามต้อย ๆ เข้าไปในออฟฟิต และตรงไปที่โต๊ะของพี่เบิ้ม ระหว่างทางก็แวะทักทายคนตามทางพอเป็นพิธี พร้อมกับสอดส่องหาที่นั่งว่าง ๆ เพื่อจะได้นั่งทำงานได้
พอไปถึงที่นั่ง ก็จัดการเปิดคอมเช็คเมล์ ทำงานได้ซักพัก ก็แชทไปหาพี่คนไทย เพราะมีคนฝากของมาให้พี่แก ซึ่งพี่แกก็เดินมารับ เอง ไอ้เราก็แอบเกรงใจ แต่จะเอาไปให้เองก็ยังไงอยู่ เพราะไม่รู้จะเดินไปให้ยังไง ยังมึน ๆ กับเส้นทาง จากคุยกันพอหอมปากหอมคอ ก็หันหน้ามาพี่เบิ้มเพื่อเทรนงานที่ต้องทำในอนาคต เทรนไป มึนไป เข้าหัวบ้างไม่เข้าบ้าง
พอเที่ยงปุ๊บ พี่เบิ้มแกก็บอกขอปลีกวิเวกไปจัดการธุระส่วนตัว ไอ้เราก็ อ้าว...กรรม แล้วจะปล่อยเกาะตูรึ แต่ก็ยังดี เราก็มีแบ็กอัพแพลนเพราะพี่คนไทยแกชวนไปกินข้าวด้วย ก็เลยรีบติดต่อแก เพื่อขอติดรถแกไปกินข้าวกับกลุ่มคนไทย ซึ่งแน่นอน ตรงดิ่งไปร้านอาหารไทยอย่างไม่ต้องสงสัยระหว่างทางก็ได้ทำความรู้จักกับคนอื่น ๆ ซึ่งทุกคนมีอัธยาศัยดีมาก…
พอถึงร้านอาหารไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงก็โซ๊ยกันอย่างดุเดือด จนไม่มีเวลามาเก็บภาพ
หลังจากกินกันเสร็จแล้ว ก็พากันขับรถกลับมาตึกเพื่อทำงานต่อ ซึ่งเป็นช่วงที่น่าเบื่อ+ง่วงของวัน พอทำงานไปได้ซักพัก ก็ได้เวลาเลิกงาน ตอนนี้ก็แอบดีใจเนื้อเต้นได้กลับบ้าน(โรงแรม) ซักที ซึ่งที่นี่ไม่มีแท็กซี่ให้โบก ก็เลยเปิดเว็บหาเบอร์ yellow cab พอโทรไปมันบอกให้ ไปกรอกใส่ในเว็บ ก็กรอกไป พอกรอกเสร็จก็ปิดเครื่องไปห้องน้ำ แล้วก็เดินไปหน้าประตูเพื่อไปขึ้น
พอไปถึงหน้าประตูก็เห็นแท็กซี่คนที่เรียก(มั้ง) ขับออกจากที่จอดพอดี ก็เลยลองควักมือถือมาดูว่ามันโทรมาเหรอวะ ก็ไม่เห็นมีนี่หว่า แอบเซงก็เลยกะว่าจะโทรไปเรียก พอกดโทรปุ๊บ ก็ได้ความว่าตัง(นาที)หมด (หมายเหตุ ที่นี่โทรออก หรือ รับสาย คิดตังทั้งคู่นะเออ ตังไม่มีก็โทรเข้าเบอร์เราไมได้) ก็คิด อ้าวกรรมแล้วกู แล้วจะกลับบ้านไงวะ คิดอะไรไม่ออกก็เลยกะว่าเดินกลับไปที่โต๊ะจองใหม่อีกคันก็ได้วะ พอกำลังเดินกลับจะเข้า ออฟฟิต ก็เจอพี่คนไทย คนเดิม อีกนั่นแหละ (แหมะสงสัยดวงสมพงศ์) กำลังจะกลับบ้าน พี่แกก็เลยบอก เดี๋ยวไปส่งที่โรงแรมแล้วกัน (ขอบคุณครับ พี่ไม่ส่งนี่ป่านนี้ยังนั่งอยู่ออฟฟิตเลยมั้งเนี่ย) ก็เลยติดรถพี่แกมาลงโรงแรม
พอมาถึงโรงแรม ก็ตรงดิ่งเข้าห้องเอาของบางส่วนทิ้งไว้ที่ห้อง แล้วหนีบคอมเครื่องเก่งไปด้วย จากนั้นก็เดินไป T-mobile จ้าวกรรมเพื่อเติมตังใส่มือถือในเรทขูดรีดขูดเนื้อ (30 นาที/ 10 USD รวม ภาษีก็ประมาณ $11) ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาว่าจะไม่เผลอใช้จนหมดอีกนะ ไม่ได้เสียดายเงิน แต่ขี้เกียจเดินไปแล้ว
พอเติมตังเสร็จแล้วก็เดินกลับมาที่ห้างขาประจำ Galleria เพื่อหาที่เล่นเน็ต พอนั่งปุ๊บเปิดคอม แต่ไม่มีสัญญาณเน็ต ก็เฮ้อ… ไม่เป็นไรเขียนต่อก่อนก็ได้ฟะ แล้วเดี๋ยวค่อยไปหาที่มีเน็ตไปอัพตอนใหม่ ตอนนี้ก็ใกล้ได้เวลากินข้าวเย็นละกินเสร็จแล้วเดี๋ยวมาเขียนต่อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น