อาหารเช้าวันนี้น่ากินหลายอย่างเลย แต่ที่ถูกปาก โดนใจ ก็คงเป็นข้าวหน้าปลาดิบ ที่เราตักข้าวและปลาดิบมาโปะใส่เอง อยากอลังการแค่ไหนก็จัดได้เต็มที่ บอกเลยว่าอร่อยมากมาย แถมมีนมวัว ที่เป็นของขึ้นชื่อของฮอกไกโด ให้ดื่มด้วย ก็จัดไป 2 แก้วเลย...เอิ๊ก
กินเสร็จจนอิ่ม ก็ออกมาเดินเล่นในบริเวณโรงแรมพร้อมแชะภาพเก็บบรรยากาศซักหน่อย ก่อนจะได้เวลาขึ้นรถ โดยจุดหมายรอบเช้าของเราคือ Jigoku-Dani หรือที่รู้จักในนาม หุบเขานรก Hell Valley ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง โนโบริเบทสึ Noboribetsu ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ถือโอกาสนอนต่อบนรถแล้วกัน
นอนหลับไปพักใหญ่ก็มาถึง หุบเขานรก Hell Valley จุดหมายของเรา ลงรถมาปุ๊บก็เหมือนจะได้กลิ่นไข่เน่าลอยมาต้อนรับเลย หุบเขาสวยงามน่าถ่ายรูป พี่ไกด์ของเราให้เวลาเดินเก็บภาพและบรรยากาศอยุ่ 1 ชั่วโมง วันนี้แดดจัดไร้เมฆ แต่ลมแรง เลยไม่ร้อน
ชมสถานที่แรกเสร็จ ก็ประมาณ 11 โมง ก็ได้เวลากินข้าวเที่ยง มื้อเที่ยงวันนี้เป็นชาบู แต่รอบนี้ไม่ใช่บุฟเฟต์ ตอนแรกที่ฟังก็คิดว่าก็ดีนะ จะได้พักท้องซักมื้อนึง ซึ่งร้านที่ไปกินไม่รู้ว่าชื่ออะไร รู้แต่ว่ามีหมีตัวใหญ่เบิ้มอยู่บนหลังคา ก็เลยขอตั้งชื่อให้ว่า หม้อไฟหมีใหญ่ เข้าไปในร้านก็เหมือนร้านซีฟู๊ดเมืองไทยเลย มีอาหารทะเลสด ๆ อยู่เต็มไปหมด อยากกินอะไรก็จิ้มให้เขาไปทำให้กินได้ แล้วก็มีพวกอาหารแห้งกับของฝากให้ซ์้อด้วย พอขึ้นไปด้านบนก็เป็นส่วนของนั่งกินอาหาร ไปถึงโต๊ะก็มีหม้อชาบูตั้งรอต้อนรับอยู่แล้ว แล้วมีปลาและผักวางอยู่ข้าง ๆ ให้ได้ทำเอง
มื้อนี้บอกเลยว่าไม่ค่อยอร่อย+ไม่อิ่ม ยิ่งพอหันไปโต๊ะอื่น ๆ เห็นเขากินปู กินกุ้งตัวใหญ่เบิ้ม แล้วก็สะเทือนใจ กิน ๆ ให้เสร็จแล้วไปถ่ายรูปหน้าร้านดีกว่า หน้าร้านมีหมีสู้กับปลาอยู่บนหลังคาร้าน ถ้ามองไกล ๆ นึกว่า Godzilla
กินเสร็จก็ได้เวลาช็อปปิ้ง เดี๋ยวไม่ได้ใช้เงินเยน จะมาไม่ถึงญี่ปุ่น เป้าหมายของเราก็คือ ห้างอีออน AEON ห้างชื่อนี้มีหลายสาขา น่าจะพอ ๆ กับเซนทรัล บ้านเราแหละ ห้างมีหลายชั้นมากเลย แต่ได้ดูแค่ซุปเปอร์ก็หมดเวลาละ ช็อปได้แต่ขนมมากินกับของฝากนิดหน่อย :p ถือว่าไปเดินตากแอร์วอร์มร่างกายก่อนตะลุยภูเขาไฟกันต่อ ขนมที่แกะกินก็คือ ทาโร่ชีสสสสสสสึ
ขึ้นรถมาเหลือบมองนาฬิกา ก็เป็นเวลาบ่าย 3 โมงแล้ว ได้เวลาไปยัง จุดหมายต่อไปก็คือ โชววะชินซัง Showa Shinzan ภูเขาไฟที่เกิดขึ้นใหม่ มีอายุน้อยที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที ก็มาถึงที่หมาย แต่ไม่เราไม่ได้จะขึ้นไปบนภูเขาไฟโชววะชินซันนะ ที่เราจะไปคือภูเขาไฟอุสุ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน ซึ่งที่จุดชมวิวด้านบนของภูเขาไฟอุสุ สามารถมองเห็น โชววะชินซัง ได้ อ่านถึงตรงนี้ใครงง ยกมือขึ้น 555 สำหรับการขึ้นไปยังจุดชมวิวนั้น เราก็ต้องขึ้นกระเช้าอูสุซัน Usuzan Ropeway ค่าตั๋วไม่รวมในทัวร์ด้วยนะ อยากขึ้นต้องจ่ายเอง :p
ขึ้นไป อากาศด้านบนเย็นสบาย แม้แสงแดดจะแรงเจิดจ้า แต่ไม่ร้อนเหมือนเมืองไทย เดินให้ทั่วตราบมีแรง น่าเสียดายที่เวลาไม่ค่อยเยอะ เลยเดินได้ไม่สุด แต่ถ้าจะเดินให้สุดคงต้องเผื่อเวลาอีกซัก 3 ชั่วโมง 555
เดินเล่นจนหนำใจ ก็ได้เวลาโบกมือลา อุสุซัง นั่งกระเช้าลงมาสู่พื้นดินระดับปกติอีกครั้ง เมื่อมาถึงก็มีขนมของฝาก ขายรอต้อนรับอยู่ จะรอข้าทำไม ก็เดินชิมให้สะใจไปเลย!!! มันใช่รึ พอชิมจนอิ่ม เฮ้ย ซื้อจนสาแก่ใจก็มาแชะภาพด้านหน้านิดนึง ก่อนนั่งรถเพื่อเตรียมตัวไปยังโรงแรม
ที่พักสำหรับคืนนี้คือ Toya SunPlace Resort & Spa ที่พักคืนนี้เป็น "เรียวกัง" หรือก็คือโรงแรมที่มีออนเซ็น นั่นเอง ตอนแรกที่เข้าพัก ได้ห้องนอนอย่างหรูเลย นึกว่าจะได้นอนแบบญี่ปุ่น แต่ปรากฏว่า ไกด์ให้ห้องผิด ห้องนี้ไว้นอน 4 คน :p สุดท้ายก็กลับไปนอนแบบเตียง ซึ่งก็ดีนะ ไม่ต้องไปปูให้เมื่อย
เก็บกระเป๋าเรียบร้อยก็ได้เวลากินอาหารเย็น โดยมื้อเย็นนี้วันนี้กินที่โรงแรมเลย ห้องอาหารของที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์ ซึ่งมีขนาดใหญ่มาก ไกด์บอกว่าสามารถรองรับได้ถึง 500 ที่นั่งเลยทีเดียว เมื่อตอนมองครั้งแรกคิดถึงโรงอาหารที่มหาลัย บรรยากาศช่างคล้ายคลึงนัก
กินเสร็จก็เปลี่ยนชุดยูกาตะเดินเล่น ถ่ายรูป ไกด์บอกมีพลุจุดตอน 20:45 อยู่หน้าโรงแรมฝั่งทะเลสาบ เลยขึ้นไปบนห้อง กะว่านั่งมองวิวจากในห้องน่าจะสบาย วิวดี มองเห็นทุกเม็ด แต่ความจริงช่างโหดร้าย ต้องไปดูข้างล่างนู่นถึงจะเห็นแบบชัด ๆ ... ยังพอโชคดีอยู่บ้างที่พอมองเห็น แต่ได้ดูเพียงเล็กน้อย ช่างเหอะไปแช่ออนเซ็นดีกว่า จะได้คลายเมื่อย แช่เสร็จก็ได้เวลานอน zzzz
Day 2 สวน Shikisai-no-oka - FARM TOMITA >> || Day 4 >>
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น