วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

2013 CAS Winter Trip (เขาค้อ-ภูหินร่องกล้า-ภูทับเบิก) day 3

วันนี้ตื่นมาประมาณ 6 โมงนิดๆ ฟ้ายังไม่สว่าง ก็ถูกแล้ว เพราะเราตั้งใจตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น  สำหรับสถานที่ชมพระอาทิตย์นั้น ก็ไม่ไกล เดินกันในเขตที่พักนี่แหละ  จุดชมเป็นตึกสูงประมาณ 3 ชั้นที่สร้างบนเนินอีกทีนึง คือ นอกจากต้องเดินขึ้นเนิน แล้วยังเดินขึ้นบันไดอีก (เหนื่อยโฮก - -")  บรรยากาศตอนเช้าดีมาก อากาศแจ่มใส เสียอยู่อย่างเดียว มุมที่พระอาทิตย์ขึ้นดันมีต้นไม้บัง ทำให้ถ่ายรูปได้ยาก  เราต่างเดากันไปว่าตอนสร้างตึกนี้คงยังไม่มีต้นไม้ หรือต้นไม้อาจยังเล็กอยู่ แต่ดูตอนนี้สิ มันจะโตแซงตึกไปแล้ว  ระหว่างที่รอพระอาทิตย์ขึ้น นอกจากการถ่ายรูปเล่นแล้ว ก็มีการเอาความลับและไม่ลับของเพื่อน ๆ มาเมาท์ฆ่าเวลา  ไม่รู้พระอาทิตย์สวยไหม  แต่เช้านี้ได้ข้อมูลมาเพียบเลย  :p

บรรยากาศยามเช้าหลังพระอาทิตย์ขึ้น

พอถ่ายรูปเสร็จก็ได้เวลาปลุกสาวๆ จากห้วงนิทรา  สำหรับมื้อเช้าวันนี้ เป็นอาหารฝรั่ง ประกอบด้วย ไข่ดาว ไส้กรอกและขนมปัง ด้วยปริมาณที่พอเหมาะกับสาวรักสุขภาพ เลยทำเอาหนุ่ม ๆ บ่นกินไม่อิ่ม พอกินเสร็จ ก็ได้เวลาแยกย้ายไปอาบน้ำเก็บของ เพื่อออกเดินทางไปยังจุดหมายต่อไป อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

แผนที่่ของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

แผนเที่ยวคร่าว ๆ ของวันนี้คือ เที่ยวลานหินแตกช่วงเช้า จากนั้นพักกินข้าวเที่ยง ณ ที่ทำการการอุทยาน จากนั้นช่วงบ่าย เที่ยว ลานหินปุ่ม-ผาชูธง และจบด้วย โรงเรียนการเมือง แล้วจึงเดินทางต่อไปยัง ภูทับเบิก เพื่อค้างที่นั่น

ลานหินแตก

เดินดี ๆ หลุมลึกนะ จะบอกให้
จุดหมายแรกของวันนี้ก็คือ ลานหินแตก ตอนที่ดูแผนที่เข้าใจว่าเป็นลักษณะชะโงกทัวร์ คือ รถพาจอดถึงที่ ลงรถถ่ายรูปเสร็จ พร้อมไปต่อ  แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เพราะต้องเดิน (อีกแล้ว) เพื่อเข้าไปเยี่ยมชมความอัศจรรย์ของธรรมชาติ ดีกว่าเมื่อวานหน่อยที่เป็นการเดินแนวราบ เส้นทางขรุขระนิดหน่อย ทีเด็ดคือ ทางเดินส่วนมาก เป็นพื้นที่เปิดโล่ง ๆ ไร้ร่มเงาใด วันนั้นก็เผอิญฟ้าเปิด ไร้เมฆาบดบัง อ๊า...ช่างเป็นการอาบแดดที่ร้อนระอุเหลือหลาย

เราใช้เวลาในการเดินอาบแดด ถ่ายรูป พร้อมสำรวจพื้นที่ ประมาณหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากทางเดินเป็นลักษณะเดินไปทางหน้าผาดังนั้นเมื่อเดินไปก็ต้องมีการเดินกลับ ระหว่างทางทุกคนต่างเพ้อถึงอาหาร ที่ชาวบ้านวางขายอยู่ปากทาง ไม่ว่าจะเป็นข้าวโพดปิ๊ง ลูกชิ้น รวมไปถึงไอศครีม และน้ำอัดลมเย็นสดชื่น (แค่คิดก็น้ำลายไหล)

พอทุกคนเดินกลับมาถึง ณ ทางเข้าลานหินแตก ก็กรูกันไปที่ตู้น้ำ เพื่อเติมความชุ่มฉ่ำ หลังจากกิน/พัก พอเป็นพิธี ก็ได้เวลาอาหารเที่ยง ณ บริเวณที่ทำการอุทยาน ซึ่งเป็นจุดเดียวที่มีร้านอาหารในอุทยานภูหินร่องกล้า ร้านอาหารเที่ยงที่เราแวะคือ ร้านดวงใจ ซึ่งบรรยากาศในร้านบอกเลยว่าร้านนี้มีส้มตำแน่ ๆ (บรรยากาศมันใช่)  หัวหน้าแกงค์ไม่รอช้าสั่งส้มตำปลาร้ามาทันที เพราะแกเพิ่งบ่นไปเองว่า "ปลาร้าในเส้นเลือดต่ำ" ทำให้ไม่มีแรง - -"  (ไข่เจียวพิซซ่า กับ ผัดผัก อร่อยเหาะเลย)

ขณะที่กินข้าวเที่ยงกันอย่างดุเดือด ก็มีเด็กในร้านวิ่งมาที่โต๊ะ พร้อมกับอะไรบางอย่างในปาก สาว ๆ ในโต๊ะก็สังเกตเห็น จึงบอกคนอื่น ๆ ในโต๊ะว่า"ปีโป้" แล้วก็ไม่พูดเปล่าทำท่าจะแย่งปีโป้เด็กกินอีกด้วย แต่ยังดีที่ยังมีความเป็นผู้ใหญ่ในร่างกายฉุดรั้งไว้  เมื่อคิดได้ดังนั้น สาว ๆ จึงบ่นว่าอยากกินปีโป้ (การตลาดขั้นเทพ) แน่นอนว่าไม่มีขายแถวนี้ ทำให้ทุกคนต้องเก็บกดความอยากกินเอาไว้

แผนที่ท่องเที่ยวของลานหินปุ่มและผาชูธง

จุดต่อไปที่เราจะไปเที่ยวก็คือ ลานหินปุ่มและผาชูธง ที่ซึ่งต้องเดินประมาณ 2.2 km ไม่รู้ว่าระยะทางเป็นกิโลแม้ว หรือ กิโลเมตร  คิดแง่ดีหน่อยที่ทางเดินเป็นวงกลม เลยไม่ต้อง คูณ 2 ระยะทาง (เดินไป-เดินกลับ) เส้นทางโดยรวมไม่โหดมากแต่ร้อนอย่างแรง เพราะโดนแสงแดดยามบ่ายสาดส่องลงมาใส่หัวกระบาลอันเปลือยเปล่า ไร้อาภรณ์ปกคลุม ระหว่างทางก็ไม่มีป่าไม้หรือก้อนเมฆมาช่วยกันไว้ กว่าจะกลับมาถึงรถก็แทบจะเกรียมกันเลยทีเดียว

เฮีือก จะเกรียมแล้ว

ออกจาก ลานหินปุ่มและผาชูธง ก็บ่ายแก่ ๆ จุดต่อไปคือ โรงเรียนการเมือง ที่เราหยุดแวะ เพื่อซึมซับความรู้และประวัติศาสตร์ ผ่านการถ่ายทอดโดย หัวหน้าแกงค์ ทำให้เราได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของพื้นที่ตรงนี้ ไม่ใช่เพียงแวะถ่ายรูป(ว่ากูมาแล้ว) แล้วจากไป

ตอนนี้ก็เก็บจุดหลัก ๆ ของภูหินร่องกล้าครบแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยัง ภูทับเบิก  กล่าวจะไปถึงก็เย็น ๆ แล้ว  พอมาถึงแล้วภารกิจแรกที่ต้องทำคือ หาที่พัก สำหรับที่พักในคืนนี้ คนส่วนใหญ่พักในบ้านพักบนภูทับเบิก ส่วนอีก 2 คน แยกตัวไปนอนเต็นท์ เพื่อรอถ่ายดาว(หวังว่าจะไม่มีเสียง อื้อฉาวจากเต็นท์นะ)  จากนั้นภารกิจต่อมาก็คือ หาปีโป้กิน เพราะเจอเด็กอีกคนกินโชว์ (อีกแล้ว) ระหว่างเดินหาปีโป้ ก็ช็อปปิ้งของกินตามทางมากินเป็น appetizer ก่อนมื้อค่ำ และแล้วความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น ในที่สุดเราก็ค้นพบปีโป้และได้กินสนองตัณหา

มื้อค่ำวันนี้ก็คือ กินหมูกระทะใต้แสงแฟลช ไม่ได้พิมพ์ผิดหรอกครับ เป็นอย่างนั้นจริง ๆ เพราะบริเวณหน้าเต็นท์ที่พักนั้นมีเพียงแสงไฟพอให้มองทางเห็น จึงต้องมีคนเสียสละมือถือเพื่อส่องสว่าง ก็แหม ไม่งั้นคงได้กินหมูแบบสุก ๆ ดิบ ๆ  หลังจากกินอาหารเสร็จก็ได้เวลากิจกรรมเสริมหลักสูตร... เล่นไพ่นั่นเอง  ก็เล่นกันพอหอมปากหอมคอ ก่อนจะแยกย้ายไปพักผ่อน จะได้ตื่นเช้ามาชมพระอาทิตย์ขึ้น ครั้งนี้สาว ๆ บอกไว้อย่างมั่นเหมาะว่า "ตื่นทันไปดูชัวร์" ...  เหอะ เดี๋ยวจะรอดูแล้วกัน ในเช้าวันพรุ่งนี้

Credit: ขอบคุณ พี่จ๊อยซ์ที่ช่วย Proofread นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น