ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น ในที่สุดหลังจากต่อสู้กับมันนับชั่วโมง ประตูก็เปิดออกด้วยฝีมือฮีโร่ของเรานั้นเอง พวกเราจึงรอดพ้นวิกฤติในครั้งนี้มาได้ แต่อนิจจาก็สายไปแล้วเพราะพระอาทิตย์ขึ้นฟ้าสว่างไปเรียบร้อย แต่ก็ช่างเหอะ ไหน ๆ ก็เปิดประตูได้ ก็เปลี่ยนจากถ่ายรูปพระอาทิตย์ขึ้นมาเป็น กินข้าวรับอรุณกันดีกว่า พอทุก ๆ คนพร้อมแล้วเราก็ออกจากห้องพักไปยังห้องอาหารของทางรีสอร์ทเพื่อกินข้าวต้มยามเช้า พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศอันหนาวเย็นของเขาค้อ.... หลังจากกินอาหารเช้าก็ได้เวลาออกกำลังกายละลายไขมันยามเช้าด้วยกิจกรรม ชิงช้าสามัคคีพลังมือ ซึ่งกว่าจะหลอกล่อให้หนูทดลองทั้ง 4 ขึ้นไปนั่งได้ก็ใช้เวลาเกลี้ยกล่อมพักใหญ่ทีเดียวเชียว พอเริ่มหมุนก็เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดดังใช้ได้ ถึงชิงช้าจะไม่สูงมากแต่ก็แอบน่ากลัวเพราะสิ่งเดียวที่รั้งร่างกายไว้กับตัวชิงช้าคือมือตุ๊กแกทั้งสองข้างของคนนั่งนั้นเอง หลังจากเล่นกันจนหนำใจแล้วก็ได้เวลาไปอาบน้ำเรียกความสดชื่น เพื่อจะได้ไปเที่ยวยังจุดหมายต่อไป พระตำหนักเขาค้อ
ชิงช้าพลังคนหมุน (เมื่อยมาก) |
แน่นอนว่าเมื่อเรามาถึงที่พระตำหนักแล้วอย่างแรกที่ต้องทำคือ ถ่ายรูปกับป้าย เนื่องจากตากล้องคันมือที่ไม่ได้ถ่ายพระอาทิตย์ตอนเช้าเลยมาลงด้วยการกระหน่ำถ่ายรูปให้แทน ระหว่างที่หามุมถ่ายรูปเราก็ถือโอกาสเดินชมความสวยงามของสวนดอกไม้และพระตำหนักไปด้วย (เอ๊ะ พูดสลับกันหรือป่าวหว่า?) จากนั้นเราก็เดินไปเตรียมตัวที่ตีนเขาเพื่อมุ่งหน้าสู่ ยอดเขาย่า
เส้นทางให้ดูเป็นน้ำจิ้ม |
กว่าจะฝ่าฟันขึ้นไปได้ถึงยอดเขาก็แทบหมดลม ไม่มีใคร
หลังจากที่ใช้พลังงานอย่างมหาศาลในยามเช้า ก็ได้เวลาเติมพลังงานกันแล้ว สำหรับมื้อนี้พวกเราตรงดิ่งไปยัง ไร่จันทร์แรม พร้อมทั้งกระหน่ำสั่งอาหารจนแทบล้นโต๊ะ (ที่จริงล้นไปแล้วแต่เก็บออก) แน่นอนว่าความหิวไม่เคยรอใคร จึงไม่มีใครเสียเวลาการกิน เพื่อมาถ่ายรูปเลย อยากบอกว่า มะระหวานผัดไข่อร่อยมาก... กว่าจะกินอาหารที่สั่งมาหมด ทุกคนอิ่มจนเกี่ยงกันกิน
กว่าจะเคลื่อนออกจากร้านก็เกือบบ่าย 2 แล้ว จุดหมายต่อไปก็คือ ฐานป้องกันภัยทางอากาศ ใกล้ ๆ กับอนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ ที่ฐานนี้ให้ความรู้สึกเหมือนมาเดินงานวันเด็กมาก เพราะมีโชว์เครื่องไม้เครื่องมือทางการทหาร รวมไปถึงยานพาหนะ ทั้งเฮลิคอปเตอร์แบบต่าง ๆ และ ปืนต่อสู้อากาศยาน ขนาดพื้นที่โดยรวมไม่กว้างมาก พอเดินเพลิน ๆ ได้ ติดแต่ว่าแดดร้อนไปนิด เล่นเอาเกรียมเลย
บรรยากาศรอบ ๆ พร้อมหนึ่งในตากล้องประจำทริป |
มองขึ้นไปจากทางเข้า จะเห็นเจดีย์พระธาตุผาแก้ว ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ |
จุดหมายต่อไปของพวกเราก็คือรีสอร์ทแถวแคมป์สน(ภูคำรีสอร์ท) ซึ่งเราก็มาถึงรีสอร์ทยังไม่ค่ำมากตอนแรกว่าจะให้ทุกคนพักผ่อนก่อนจะออกไปกินข้าว แต่ด้วยความที่กลัวทุกคนจะพักเพลิน ก็เลยให้ทุกคนเอาของไปเก็บที่ห้องตัวแล้วกลับมารวมตัวเพื่อไปหาข้าวกิน จากนั้นค่อยพักทีหลังเอา...
ตอนนี้ทุกคนก็กลับมารวมตัวพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาล้อหมุนเพื่อไปถล่มข้าวเย็นกัน ไม่เกิน 5 นาทีจากที่พักเราก็มาถึงร้านอาหารชื่อดังในเขตแคมป์สน พอรถตู้เราถึงหน้าร้านเราก็พบว่ามีคนปริมาณมหาศาลยืนรอโต๊ะกินข้าวหน้าร้าน ไม่รวมความวุ่นวายภายในร้าน ประกอบกับเมนูที่ป่ามาก ทั้งเนื้องู จรเข้ นกกระจอกเทศ และอย่างอื่นอีกที่จำไม่ได้ ทำเอาสาว ๆ ส่ายหัว เราจึงวนรถไปร้านอื่น และก็มาตกลงปลงใจกันที่ร้าน หมื่นไม้ ซึ่งบรรยากาศค่อนข้างดี เมนูน่าสนใจมากทำเอาพวกเราหัวใจพองโต กระหน่ำสั่งอาหารอย่างเมามัน พอสั่งเสร็จก็นั่งคุยกันชิว ๆ รออาหาร 1 ชม. ผ่านไปได้อาหารมา 2 จาน ทำเอาเราสงสัยว่าทำไมทำได้ช้าขนาดนี้ เหลือบไปมองรอบร้านก็มีอยู่เพียง 3 โต๊ะเท่านั้น เพื่อนคนนึงทนไม่ไหวจึงเดินไปตามอาหาร ส่วนที่เหลือก็เริ่มนั่งสั่น เพราะอุณหภูมิเริ่มลดลงอย่างรวดเร็ว พอไปตามเสร็จอาหารก็มาอีก 2 จาน และเวลาก็ผ่านไปอีก 1 ชม. (รวม 2 ชม. แล้วที่อยู่ร้านนี้) เราก็ยังไม่ได้อาหารอื่น ๆ เพิ่มเติม แน่นอนว่าจากความชิวก็กลายเป็นความหิว เราจึงไปตามอาหารอีกรอบ และก็ถึงบางอ้อว่าทำไมไม่ได้อาหาร เพราะรายการที่จดหาย หาไม่เจอ คนจดรายการและคนครัวต่างเกี่ยงกันรับผิดชอบ แน่นอนว่าจังหวะนี้หมดอารมณ์จะกินละพวกเราก็เลยตกลงกันว่ายกเลิกรายการทั้งหมด เพราะดูแล้วคงยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักอย่าง ด้วยความเซ็งบางคนก็บอกว่าน่าจะไปตั้งกระทู้ประจานใน pantip ให้หายเซ็ง (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้ทำจริงหรือป่าว) พอจ่ายตังเสร็จเราให้พี่คนขับตรงดิ่งมายัง 7-11 สาขาใหญ่เบิ้ม ด้วยความหิว+เซ็งสะสมทำให้เกิดการช็อปปิ้งกระจายหยิบกระหน่ำ ทั้งขนม อาหารและเครื่องดื่ม พอช็อปเสร็จก็อพยพกับที่พักพร้อมกับไปจับจองศาลาข้างห้องพักเป็นที่กินอาหาร ซึ่งสุดท้ายมื้อเย็นของเราก็จบด้วย easy go พอของคาวเสร็จ ก็ได้เวลาของหวานและเครื่องดื่ม ที่ต้องกินของหวานต่อ ก็เพราะมีคนในออฟฟิศใกล้ตัว เคยวลีเด็ด "กินคาว ไม่กินหวาน สันดานไพร่" ต่อแต่นั้นมา เลยจำเป็นต้องกินของหวานด้วย... เนื่องจากทริปนี้เราไม่มีนักดื่มมืออาชีพจึงดื่มกันพอสนุก หลังจากกินอิ่มหมีพีมัน ก็ได้เวลานอนพักผ่อน เพื่อความพร้อมในการตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้น (อีกครั้ง)
Credit: ขอบคุณ พี่จ๊อยซ์ที่ช่วย Proofread นะครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น