ณ ชานชะลารถไฟ
"เฮ้อ.... เมื่อไหร่รถไฟจะมาวะเนี่ย มารอตั้งนานแล้ว" เสียงบ่นมาจากเด็กหัวเกรียน ทรงนักเรียนยอดนิยม
"อ้อ มันก็เสียเวลาเป็นปกติแหละ ไอ้หลานเอ้ย เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นหงุดหงิดง่าย เดี๋ยวจะหัวเถิกนะ" ชายชราข้างเคียงพูดขึ้นกับอากาศ เนื่องจากรำคาญเสียงบ่นของเด็กหัวเกรียน
หลังจากโดนผู้อาวุโสแซว พุด เด็กนักเรียนหัวเกรียน ก็มองกลับไปจ้องเขม็ง พร้อมทำปากขมุบขมิบไม่เป็นภาษา จากนั้น พุดก็เบือนหน้าหนีไปจากคนแก่คนนั้น แล้วจดจ้องกับกระเป๋านักเรียนใบโตของตัวเอง พุดล้วงมือลงไปในกระเป๋านั้นเพื่อหยิบจดหมายยับยู่ยี่ออกมา กระดาษที่เขียนมีลักษณะแปลกประหลาดที่พุดไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน พุดเอามือคลี่กระดาษออกแล้วก็เอามือรีดโดยหวังว่ากระดาษจะเรียบขึ้น จากนั้นก็ตั้งตาอ่านเนื้อหาในจดหมายอีกครั้ง...
"
สวัสดีครับ คุณพุด จดหมายฉบับนี้ส่งถึงคุณเพราะทางเราได้สืบทราบว่าคุณเป็นเลือดบริสุทธิ์ ที่สืบสายเลือดของจอมขมังเวท ปุโลหิตที่ ๓ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ทางโรงเรียนของเรา จึงอยากเชิญคุณให้เดินทางเพื่อมาเข้าเรียนกับทางเรา โรงเรียนของเราเปิดสอนให้เฉพาะนักเรียนที่เป็นเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น เพื่อให้มีการสืบทอดทักษะ และความสามารถของจอมขมังเวทสืบไป ถ้าคุณสนใจ ขอให้มาที่สถานีรถไฟ ชานชะลาที่ ๒ เพื่อรอรถไฟเที่ยว ๕ ทุ่ม ๕๕ นาที ตู้ที่ ๕"
หลังจากอ่านจดหมายนี้จบรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ พุด ก็นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ ที่ตนเองจะได้กลายเป็นจอมขมังเวทที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่เคยดูในหนัง
"แต่ เฮ้อ ไอ้รถไฟรอบ ห้าทุ่ม ห้าสิบห้านาที เนี่ยเมื่อไหร่มันจะมาวะเนื่ย นี่ก็ปาไปจะตี 1 แล้ว หรือว่าเราจะตกรถไฟ" พุดบ่นอยู่ในใจ
"แต่ก็ไม่น่านะ เพราะเราก็มารอตั้งแต่ 5 ทุ่มแล้วยังไม่มี รถไฟ ผ่านสถานีนี้ไปสักขบวน" พุดนั่งบ่นในใจ
หลังจากนั่งรอไปได้พักใหญ่ พุด ก็เผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อมีเสียงอึกกะทึกดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นของการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์
พุด เอามือป้ายหน้างัวเงีย เพื่อปลุกตนเองให้ตื่นขึ้นมา พอตาเริ่มปรับโฟกัสได้ พุดก็พบว่ามีรถไฟจอดอยู่ชานชะลาแล้ว พุดจึงเดินงัวเงียไปยังโบกี้ที่ 5 เพื่อขึ้นรถไฟตามที่ได้รับจดหมาย
พอเดินไปถึงรถไฟ พุดก็เงื้อไปที่ราวจับเพื่อเตรียมจะขึ้นรถ ระหว่างนั้นก็มีชายตัวใหญ่มายืนขวางทาง ไม่ให้พุดขึ้นไปบนรถไฟ ความหงุดหงิดพุดจึงพูดขึ้นว่า "น้าครับ ช่วยหลบทางด้วย ผมจะขึ้นรถไฟตู้นี้"
ชายร่างใหญ่เหลือบตามองมาที่พุด พร้อมกับพูดว่า "ไอ้หนู มีตั๋วเหรอ"
พุด รู้สึกเกลียดขี้หน้าชายคนนี้ทันที ถึงแม้ว่าพุดจะยังเป็นเด็กหัวเกรียน แต่เค้าก็ไม่ชอบให้ใครมาเรียกเค้าว่า ไอ้หนู
พุดจึงพูดสวนขึ้นมาว่า "ไม่มีหรอกตั๋ว แต่ผมจำเป็นต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้ตามที่จดหมายนี้เขียนไว้"
ชายร่างใหญ่ทำท่าครุ่นคิดพร้อมพูดขึ้นว่า "ไหน ขอดูจดหมายหน่อยสิ"
พุดทำท่าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นจดหมายให้ชายคนนั้น หลังจากชายคนนั้นได้รับจดหมายและอ่านแล้ว ชายคนนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงพอใจว่า "ดี ขึ้นมาไอ้หนู ยินดีต้อนรับสู่การเดินทางครั้งใหญ่ของเจ้า"
พุดรู้สึกขนลุกทันทีกับประโยคนี้ เหมือนว่าการเดินทางนี้จะเป็นเหมือนการเริ่มต้นในหนังที่เค้าเคยดู... เสียอยู่อย่างเดียวที่ พี่เบิ้มคนนี้พูดจาไม่เข้าหู ด้วยคำว่า ไอ้หนู ไวเท่าความคิด พุดโหนตัวกับราวทางขึ้น เพื่อดึงตัวเองขึ้นไปบนรถไฟ ชายที่ยืนขวางเมื่อครู่ก็ก้าวตามพุดขึ้นมาบนรถไฟ
ชายร่างใหญ่เดินนำหน้าพุด พร้อมพูดว่า "ไอ้หนู เดินตามมาเดี๋ยวจะพาไปตรงที่นั่ง" พุดรู้สึกยั้้วยิ่งขึ้น แต่ก็ได้แต่เดินตามชายคนนั้นไปยังที่นั่ง พอพุดหย่อนก้นลงบนเบาะแล้วสักพัก รถไฟขบวนนั้นก็เริ่มเดินทางออกไป...
ฉึกฉัก.... ฉึกฉัก.... ฉึกฉัก... เสียงรถไฟดังเป็นจังหวะ
รถไฟได้ออกมาจากสถานีที่พุดขึ้นมาได้พักใหญ่แล้ว พุดกวาดตามองรอบ ๆ โบกี้ก็พบเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเค้าอยู่หลายคน แต่ทุกคนก็หลับกันไปหมดแล้วพุดจึงได้แต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งข้างนอกนั้นก็มีเพียงความมืดสนิท มีเพียงเงาไม้ผ่านมาเป็นระยะ ๆ เท่านั้น ขณะนั้นพุดก็เริ่มเอนกายไปที่เบาะความกังวลต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องรถไฟได้หายไปแล้ว ประสาทที่ตื่นตัวอยู่นั้นก็ค่อย ๆ คลายลง และแล้วความง่วงก็เข้ามาจู่โจมแทน หนังตาของพุดค่อย ๆ หย่อนลง ไม่นานพุดก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในห้วงนิทรา.....
จ๊อกแจ๊ก... จ๊อกแจ๊ก... เสียงคนคุยกันอย่างวุ่นวายราวกับนกกระจอกแตกรัง...
เสียงอันดังและความวุ่นวายรอบ ๆ ตัวทำให้พุดตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา พอพุดตื่นขึ้นมา เค้าก็เอามือขยี้ตาเพื่อปลุกประสาทส่วนต่าง ๆ พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อจะได้กะเวลาคร่าว ๆ พุดคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสาย ๆ แล้วเพราะพระอาทิตย์ได้ลอยขึ้นสูงจากพื้นไปมาก หรือไม่แน่ก็อาจจะเกือบเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ... บรรยากาศภายนอกนั้น เต็มไปต้นไม้เขียวขจี ผ่านบ้านหลังเล็กๆ ที่เห็นอยู่ไกลลิบ ขณะมองธรรมชาติภายนอกอย่างสงบ ก็มีมือปริศนามาตบลงที่บ่าของพุดอย่างแรง...
"เฮ้ สวัสดี นายชื่ออะไรอะ" เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับพุด ตบบ่าเค้าพร้อมกับกล่าวทักทาย
"พุด แล้วนายหล่ะ" พุดถามกลับ
"อ้อ หวัดดีพุด เราชื่อทวี" เด็กคนนั้นตอบกลับ พร้อมกับพูดต่อแทบจะทันที "เออ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เนี่ยเราเห็นรุ่นพี่คนนึงกำลังจะโชว์อาคมให้ดูด้วย ไปดูกันเหอะ"
พุดทำตาโต "โชว์อาคม!?" คำพูดนี้ทำให้พุดอึ้ังไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
"เฮ้ย อย่าช้ารีบไปดูกันเหอะ เดี๋ยวไม่ทัน" ทวีฉุดพุดให้ลุกจากที่นั่ง แล้วตรงไปยังกลุ่มคนที่มุงกันรอบ ๆ รุ่นพี่คนนั้น
ความวุ่นวายจากผู้คนที่ล้อมรอบไม่ได้ทำให้รุ่นพี่คนนั้นประหม่าแต่อย่างใด รุ่นพี่คนนั้นทำปากขมุบขมิบ คล้ายร่ายคาถา ก่อนจะเริ่มแสดงทักษะ ทุกครั้งที่เค้าแสดง คนอื่น ๆ รอบตัวเค้าก็ทำเสียงฮือฮา พร้อมกับความตกตะลึง
เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ พุดยังคงตื่นตากับการแสดงอาคมของรุ่นพี่คนนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นมา... "ขอให้นักเรียนทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ให้เรียบร้อย เราใกล้จะถึงที่หมายแล้ว" ... หลังจากประกาศจบรุ่นพี่คนนั้นก็หยุดการแสดงแทบจะทันที ทำให้บรรดาไทยมุงทั้งหลายต้องสลายตัวกลับที่นั่งไปโดยปริยาย ซึ่งพุดก็เป็นหนึ่งในนั้น
...ชั่วเวลาที่ตดยังไม่ทันหายเหม็น... รถไฟก็มาถึงสถานี พุดและคนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยลงจากรถไฟโยมี ชายร่างใหญ่ทำหน้าที่เหมือนอาจารย์ที่พานักเรียนมาทัศนะศึกษา คอยตรวจสอบและช่วยเหลือให้ทุกคนลงรถไฟอย่างเรียบร้อย
"เอาหล่ะเราเกือบถึงที่หมายแล้ว เดี๋ยวขึ้นรถต่อไปอีกไม่นาน ก็ถึงที่โรงเรียนแล้ว"
"รถโรงเรียนน่าจะจอดอยู่ที่ด้านหลังสถานี เด็ก ๆ ตามมาดี ๆ นะ" ชายคนนั้นบอกพร้อมกับเดินนำไปยังที่บริเวณจอดรถของสถานีรถไฟ
พอเดินมาถึงที่จอดรถ ชายร่างใหญ่ มีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับพูดขึ้นว่า "แปลกมาก ปกติพวกนี้ไม่เคยสายหรือพลาดนัดนะ" จากนั้นชายร่างใหญ่จึงกวักมือเรียกรุ่นพี่ที่เคยแสดงอาคมบนรถไฟมาคุยซุบซิบ หลังจากคุยกันได้ซักพัก ชายร่างใหญ่จึงพูดขึ้นว่า "ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าเราเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกันไม่ไกลเท่าไหร่หรอก" จากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มเดินนำ พร้อมกับกำชับให้รุ่นพี่คนนั้นเดินปิดท้ายขบวนเพื่อดูแลเหล่านักเรียน
หนึ่งกิโลแม้วผ่านไป... พุดก็เริ่มสังเกตเห็นโรงเรียนอยู่ในระยะสายตา ซึ่งโรงเรียนนั้นแตกต่างที่เค้าคิดเอาไว้มาก เค้านึกว่าโรงเรียนจะมีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดเหมือนในหนังแฟนตาซีที่เค้าเคยดู แต่นี่อะไรเนี่ย โรงเรียนเป็นอาคารไม้ธรรมดาไม่ได้อลังการอย่างที่หวังเลย และสิ่งที่ขัดใจพุด หรืออาจบอกว่าตะหงิดใจมากกว่า คือทำไมมันเงียบจังวะ
เหมือนว่าความเงียบอันผิดปกตินี้จะก่อความกังวลให้กับชายร่างใหญ่ และ รุ่นพี่คนนั้นเช่นกัน ทั้งสองคนจึงหันมาบอกให้นักเรียนรออยู่ตรงนี้ จากนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังโรงเรียน โดยทิ้งเหล่านักเรียนไว้เบื้องหลัง
พุดรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงวิ่งตามทั้งสองคนไป แต่ด้วยยาวของขาที่แตกต่างกันมาก พุดก็ไม่อาจวิ่งตามทันคนทั้งสอง กว่าพุดจะวิ่งมาถึงหน้าโรงเรียนคนทั้งสองก็หายไปจากระยะสายตาแล้ว เมื่อพุดเดินเข้าไปภายในโรงเรียน สภาพภายในทำให้พุดเกิดอาการกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สภาพสิ่งของกระจัดกระจายเต็มพื้นราวกับพายุทอร์นาโดเพิ่งพัดผ่านไป หรือว่าอาจมีสงครามย่อย ๆ ภายในโรงเรียนแน่นอน พุดพยายามเค้นพลังสมองเพื่อพิจารณาสถาณการณ์ที่เกิดขึั้นทันที นี่ถ้าคาดเดาจากประสบการณ์ในหนัง พุดก็เดาไว้ว่าโรงเรียนนี้จะโดนโจมตีจึงทำให้สภาพเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา พุดยังจินตนาการต่อเนื่องว่า น่าจะเป็นสมาคมไสยศาสตร์ที่ชั่วร้าย หรือไม่ก็โรงเรียนคู่อรีแน่ ๆ เลยที่มาโจมตีโรงเรียนแห่งนี้
ขณะกำลังครุ่นคิดพิจารณาอยู่นั้น พุดก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง พุดจึงหมุนตัวกลับหลังแทบจะทันที สายตาของพุดสบตาเข้ากับชายชุดดำรูปร่างกำยำ ที่กำลังเดินตรงดิ่งมาที่พุด
ไวเท่าความคิด พุดทำท่าจะวิ่งหนีชายคนนั้น แต่อนิจจา การตัดสินใจของพุดช้าไปเพียงเสี้ยววินาที แขนของพุดถูกชายคนนั้นคว้าไว้ได้
พุดเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามดิ้นให้หลุด พร้อมทั้งโวยวาย เพื่อให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของชายชุดดำนั้น แต่ขนาดตัวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พุดจึงไม่สามารถดิ้นหลุดจากพันธนาการของชายชุดดำได้ หลังจากพยายามหนีได้พักนึก ความเหนื่อยอ่อนและความเครียดก็ถาโถมเข้าใส่จนทำให้พุดสลบไป....
...นานเท่าไหร่ไม่อาจบอกได้.... พุดตื่นมาพร้อมกับเสียงดังของทีวี ขณะที่ยังงัวเงียอยู่นั้นสายตาของพุดก็เห็นภาพของตึกเรียนในทีวี....
"ข่าวเด่นวันนี้ ทางตำรวจร่วมมือกับทหารตระเวนชายเดน ปฏิบัตการร่วมมือกันถล่มโรงเรียนที่ไม่มีใบอนุญาติใกล้ชายแดนไทย พม่า เนื่องด้วยทางราชการสืบทราบว่า ที่แห่งนี้ได้ทำการเปิดโรงเรียนบังหน้า เพื่อหลอกล่อเด็กนักเรียนให้มาเรียนที่นี่ เด็กนักเรียนส่วนมากยังแอบหนีทางบ้านเพราะเชื่อจดหมายเชิญชวน หลังจากที่เด็กเหล่านั้นเดินทางมาถึง ที่นี่จะทำการจับเด็กนักเรียนเอาไว้ ถ้าเป็นเด็กที่ทางบ้านมีฐานะยากจน เด็กคนนั้นก็จะถูกส่งไปขายหรือส่งไปเป็นแรงงาน ถ้าโชคดีทางบ้านมีฐานะดี ก็อาจจะถูกนำไปเรียกค่าไถ่...." จากนั้นภาพในทีวีก็แพนไปยังบุคคลผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งตอนนี้ได้ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ ใบหน้านั้นช่างคุ้นตาพุดนัก ก็ไม่แปลกเพราะนั่นคือหน้าของ ชายร่างใหญ่ และรุ่นพี่คนที่แสดงอาคมนั่นเอง หลังจากนั้นกล้องก็ย้ายไปจับที่ภาพของชื่อโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนนี้ก็คือ โรงเรียนบัด(ซบ)...นั่นเอง"
ปล. จบแล้วครับแบบมึน ๆ ยังไงก็แนะนำติชมได้นะครับ...