วันเสาร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: HEROES CALL มีปัญหาโทรหาเรา [Android]

สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งหลังจากที่โลกใบนี้ไม่แตก (21-12-2012)  ในเมื่อโลกก็ไม่แตกละ เรามาโหลดเกม เล่นกันเถอะครับ ^___^ 

วันนี้ขอนำเสนอ HEROES CALL เกมระดับเทพ(ที่เราพร้อมอวยเต็มที่..) แนวเดียวกับ DIABLO ซึ่งวิธีการเล่นก็ง่าย ๆ   แบบ click & hit คือ สัมผัสที่หน้าจอเพื่อเคลื่อนที่ตัวละคร หรือโจมตีศัตรู  ซึ่งผมค่อนข้างชอบวิธีการควบคุมแบบนี้นะ (ไม่ค่อยชอบ Visual Control เป็นการส่วนตัว) เกมนี้ก็เลยโดน...


เอาหล่ะอวยพอละ มาเข้าเกมกันเลยดีกว่า เกมเริ่มต้นด้วยการเลือกตัวละคร...ซึ่ง...เราเลือกได้แค่ Blood Knight เท่านั้น...ส่วนตัวละครอื่น ๆ สามารถปลดล็อคได้ โดยการอุดหนุนผู้ผลิตครับ  

วันอาทิตย์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: เจ้าหนูยอดนักวิ่ง (Turbo Kids) [Android]

สวัสดีครับวันนี้มีเกมน่ารักสดใส เล่นได้เพลิน แต่ถ้าตั้งใจเล่นจริงจังแล้ว อาจปวดตับ(เครียด) เพราะกลัวไม่ได้ที่หนึ่ง เกมนั้นคือ เจ้าหนูยอดนักวิ่ง (Turbo Kids) นั่นเอง....

กดสตาร์ทเพื่อเข้าเกมส์กันเลย... เกมนี้มีตัวละครมีให้เลือก สองตัว ซึ่งมีคุณสมบัติต่างกันนิดหน่อย (ปล. การอัพสกิล แยกส่วนกันสำหรับแต่ละตัวละครนะครับ)

วันจันทร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: ตีนผี ขยี้ผีดิบ (Gears & Guts) [Android]

คุณจะทำยังไงถ้าวันหนึ่งคุณตื่นขึ้น พบว่าเมืองที่คุณเคยอาศัยอยู่ได้ตกอยู่ในทะเลเพลิง ผู้คนที่คุณเคยพบเจอ ได้แยกเขี้ยวยิงฟัน วิ่งไล่กินเนื้อคุณ....


ถ้าคุณคิดไม่ออกเราขอนำเสนอนวัตกรรมการตกแต่งรถยนต์  ซึ่งแน่นอนเราไม่ได้แต่งให้มันสวยงามแบบ(pimp my ride) แต่เราแต่งให้มันซิ่งและโหด เพื่อเจื๋อนซอมบี้(และรถคันอื่น) โดยเฉพาะ

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: หมูเขียว ยอดนักประดิษฐ์ (Bad Piggies) [Android]

เกม หมูน้อยยอดนักประดิษฐ์ เป็นเกมจากค่ายผลิตเดียวกับ ปักษาพิโรธ ที่ทำมาเกมเดียวก็ดังระเบิดระเบ้อ แล้วก็มีภาคเสริมต่าง ๆ ออกตามมามากมาย...  (หลัง ๆ มาไม่ได้เล่นละยากเกิน)


เกมนี้ถือว่าแปลกแยกไปจากเกมกระแสหลัก เพราะนอกจากเอาตัวร้ายมาทำเป็นตัวเอกแล้ว ยังเปลี่ยนแนวทางการเล่น จากที่ปกติจะวัดดวงและความแม่นในการยิงหนังสติ๊ก กลายเป็นการวัดกึ๋นในการประกอบอุปกรณ์ต่าง ๆ แทน ฮั่นแน่.. น่าสนใจหล่ะสิ ตามลงมาเลย เดี๋ยวโชว์ให้ดู

วันจันทร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: กระพรุนน้อยดึงดั๋ง (jellyflop!) [Android]

สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวเกมแบบมาม่า(ไว ๆ)  เกมในวันนี้ก็คือ jellyflop!!! กระพรุนน้อยดึ๋งดั๋ง เกมทดสอบเชาว์ปัญญาของผู้เล่น  รูปแบบการเล่นก็ไม่มีอะไรมาก(อีกแล้ว)  คือพยายามเก็บหยดน้ำและขนนกให้หมดแค่นั้นเอง .. เห็นปะง่ายจริง ๆ


แล้วเราต้องทำอะไรบ้างเหรอ ไม่ยากก็แค่ลากเส้น ที่จะเป็นจุดกระโดดให้กับกระพรุนน้อยจอมโลภมากของเราเก็บของให้ครบจอนั่นเอง วิธีการเล่นไม่ยาก แต่เล่นให้ชนะอาจจะยากส์นะ.. บอกไม่ค่อยได้ว่ายากไหม เพราะยังเล่นไม่ถึงไหนเลย ... ยังไงก็โหลดมาลองเล่นกันดูละกันครับ  ถือซะว่าแก้เซ็ง แต่ถ้าเล่นไม่ผ่านแล้วเซ็งกว่าเดิม ไม่รับประกันนะ อิอิ

เกมสีสันสดใส เหมาะกับวัยใส ๆ
ปล. เกมนี้ฟรีเหมือนเดิมนะครับ.. แต่โฆษณาอาจน่ารำคาญนิดหน่อย ก็หยวน ๆ ละกัน ผู้พัฒนาเกมจะได้ไม่ต้องกินแกลบ

วันเสาร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: ดาบเพลิงพิฆาตโลกันย์ (Sword of Inferno) [Android]

เมื่อความมืดเข้าครอบงำทวีปแห่งแสง เหล่าอสูรที่เคยหลับไหลในเพียงความมืดมิด ก็ปรากฏตัวออกมาห้ำหั่นผู้คน ผู้คนที่ไม่มีทางสู้ต่างล้มตายกันเป็นจำนวนมาก เหล่าผู้กล้าทนเห็นความเจ็บปวดนี้ไม่ได้ จึงจับดาบขึ้นปกป้องผู้คนและบุคคลอันเป็นที่รัก  หนทางเพียงหนึ่งเดียวในการสยบความมืดครั้งนี้ เหล่าผู้กล้าต้องตามหาดาบเพลิงพิโรธ อาวุธเพียงหนึ่งเดียวในพืนพิภพ ที่จะสามารถทำลายความมืดครั้งนี้ลงได้.....

เอิ่ม... ที่จริงเรื่องด้านบนไม่เกี่ยวข้องกับเกมนี้เลย จิ้น(imagine) เอาล้วน ๆ ส่วนเนื้อเรื่องจริง ๆ เป็นไงก็ดูในเกมเองละกันนะ... เอาหล่ะมาเข้าตัวเกมส์จริง ๆ กันเลยดีกว่า Sword of Inferno จัดเป็นเกมที่ไม่มีอะไรให้คิดมาก ฆ่าให้เรียบ เก็บตัง อัพของ เพื่อฆ่าตัวที่โหดกว่า (เบสิคที่สุดในจักรวาล)  ซึ่งทำใจไว้เลยว่าต้องเล่นฉากซ้ำ ๆ กันไปหลายรอบแน่เพื่อเก็บตังและหาแบบแปลน(draft) ในการอัพเกรดอาวุธ/ชุดเกราะ เกมนี้ไม่ซับซ้อนเหมาะสำหรับคนที่ขี้เกียจศึกษาระบบ

วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: เหาะเพลิน เจริญใจ (Jetpack Joyride) [Android]

สวัสดีครับ วันนี้เราก็มากับการรีวิวเกมมือถือ(อีกแล้ว) สำหรับเกมดีที่เราอยากนำเสนอในวันนี้คือ Jetpack Joyride คาดว่าหลายคนอาจโหลดมาเล่นกันบ้างแล้ว แต่ไม่สน...เราก็ยังอยากรีวิวต่อเหมือนเดิม เพราะมันเล่นสนุก ฆ่าเวลาได้ดี เราจึงอยากแนะนำ (จริง ๆ นะ)


สำหรับเกมนี้ตัวเกมไม่มีอะไรมาก สามารถเข้าใจได้ง่ายมาก แต่เล่นเพลินอย่างแรง...  เพียงกดที่หน้าจอเพื่อเร่งไอพ่นให้ตัวเราลอยขึ้นเพื่อหลบอุปสรรคต่าง ๆ  จุดหมายหลักคือ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ เราสามารถบินขึ้นลงเพื่อหลบมิสไซต์ และ เลเซอร์  แล้วในระว่างทางก็มีของให้เก็บด้วย ทั้งเหรียญทองเพื่อนำไปซื้อของเพื่อความสวยงามและการใช้งาน แล้วก็มีเหรียญ slot machine ซึ่งเก็บไว้ไปโยกตอนเดี้ยงแล้ว แล้วยังมีของไอเทมยานพาหนะอีกด้วย(อยากรู้ว่ามีอะไร ไปลองเอง)

วันอังคารที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิวเกม: ตำนานน้อย ๆ ของผู้กล้าเหลี่ยมจัด (TinyLegends - Crazy Knight) [Android]

สวัสดีครับ กลับมาอีกครั้งหลังจากไม่ได้พบกันนาน.....  วันนี้ก็ขอมารีวิวอีกรอบหนึ่ง แต่รอบนี้ไม่ใช่หนังสืออย่างที่เคย เนื่องจากช่วงนี้งานเยอะ + ขี้เกียจอ่านหนังสือ เลยหันหน้าเข้าสู่โลกมือถือ แล้วก็โหลดเกมมาเล่นแก้เซง พอเล่นแล้วสนุกก็เลยอยากแบ่งปันให้รู้กันหน่ะครับ แน่นอนว่าเราไม่นิยม crack/hack เกม (ขี้เกียจหาโหลด apk) ดังนั้นเราก็เลยขอนำเสนอบรรดาเกมส์ฟรีที่เล่นสนุก  อารัมภบทนานละเริ่มเลยละกัน

เกมส์ที่จะแนะนำในวันนี้คือเกม TinyLegends - Crazy Knight ครับ (สามารถ clikc link ที่ชือเกมส์เพื่อไปยัง Google Play ได้เลยครับ... อะไรจะสะดวกสบายปานนี้)


เกมจะเป็นลักษณะตีแหลก ตอนแรกเข้ามาเราจะอยู่ในแผนที่หลักซึ่งสามารถซื้อของ หรือเปลี่ยนตัวละคร(ปลดล็อคเมื่อปราบบอส LV:10)  จากนั้นเมื่อเราเลือกเข้าไปแล้วจะตัดไปสู่ฉากต่อสู้

วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ซากะ อาโออิ สิ่งมีชีวิตในเจแปน

สวัสดีครับหลังจากห่างหายไปจากการรีวิวหนังสือมาพักนึง เนื่องด้วยอารมณ์อาร์ตไม่ก่อเกิด เลยพลอยให้เขียนไม่ได้ (ซีเรียสนะเนี่ย)  ไร้อารมณ์ศิลปิน ไร้ศิลปะ นะขอบอก

พูดถึงอารมณ์อาร์ตก็ต้องนึกถึงหนังสือเล่มนี้เพราะคนเขียน เขียนได้อาร์ต แหมะเหมง ตรง concept  ของ สำนักพิมพ์ (a book) ทีเดียวเชียว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่ถึงอารมณ์(อารต์)

หนังสือนี้นำเสนอการไปเที่ยวแดนซากุระแบบ backpack ในมุมที่แตกต่างออกไป ในรูปแบบที่ฮาปนให้ความรู้  ผู้แต่งนอกจากการมีสกิลในการเที่ยวที่แตกต่าง(จากชาวบ้านแล้ว) ยังโชว์สกิลกระเหรี่ยงมือโปรพร้อมความสามารถในการตีมึนขั้นเทพ อยากรู้ว่าเป็นยังไงติดตามอ่านได้ในเล่ม

ยังไงก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เป็นของสามัญประจำส้วม เนื่องด้วยขนาดความยาวของตอนกำลังดีไม่ยาว หรือสั้นจนเกินไป เพราะการแบกนิยายเข้าไปอ่านในห้องน้ำนั้น บางตอนอาจมีความยาวเกินปกติ อาจส่งผลให้เกิดการนั่งส้วมนานผิดปกติ จนเกิดอาการเมื่อยตูดขึ้นได้

โดยรวม หนังสือนี้เหมาะแก่ผู้ไม่เคยไปญี่ปุ่น กำลังจะไป หรือว่าไม่คิดจะไป  ส่วนคนที่เคยไปแล้วก็ช่างเหอะ เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี อวยเยอะไปไหมอะ - -"  แต่ไม่เป็นไรของเค้าฮาจริง

ยังไงก็ลองหามาอ่านดูนะครับ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะกลายเป็นแฟนของผู้แต่งนามว่า  วิชัยก็ได้นะครับ
ปล อยากบอกว่า ตอนแรกว่าจะพิมพิ์ในมือถือ แล้วอัพเดทเลย แต่ติดหลายอย่าง ๆ สุดท้ายก็ยอมแพ้มาทำในคอมเหมือนเดิม เฮ้อ ถ้าทำในมือถือได้นะ จะได้นอนพิมพิ์บนเตียงได้สบายแฮ ไม่ต้องนั่งเก้าอี้ให้เมื่อยก้น...

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Shopping: BookExpo Thailand 2012

สวัสดีครับ วันนี้เราเปลี่ยนแนวจากการรีวิวหนังสือเป็นการโชว์ของที่ได้จากการช็อปปิ้ง (ไม่ค่อยจะขี้อวดเลยเนอะ) แต่ก็นะของมันไม่ค่อยหนีกันเท่าไหร่หรอก เพราะหนังสือที่ไปสอยมารอบนี้ เดี๋ยวจะค่อย ๆ โดนรีวิว ...ถ้าไม่ขี้เกียจนะ...

สำหรับงานที่ไปช็อปปิ้งรอบนี้คือ BookExpo Thailand 2012
ชื่อแบบไทยคือ อ่านทั่วไทย อ่านได้อ่านดี
สถานที่: ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ระยะเวลา: 18-28 ตุลาคม

ขอบอกว่าคนเยอะ โคตร ๆ เบียดสุด ๆ แถม เกือบตกบันไดเลื่อนตาย พี่ท่านเล่นเปลี่ยนเส้นทางการเข้างาน ทำให้เกิดการจราจรติดขัดอย่างรุนแรงที่หน้าสถานี MRT ที่เมื่อขึ้นมาต้องเจอฝูงชนออ อยู่หน้าบันไดพยายามจะแทรกตัวผ่านฝูงชนอีกกลุ่มที่จะพยายามลงไปยังสถานี ตูอยากบอกว่าบันไดเลื่อนมันไม่มีจอดรอนะครับ คนข้างหน้าไม่เคลื่อนคนข้างหลังมันก็เลื่อนมาเรื่อย ๆ ถ้าอยากรู้รายละเอียดก็ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง....

พอหลุดเข้าไปในงานได้ก็อยากบอกว่าคนเยอะ ยั้วเยี้ย ชิบเป๋งเลย... งานอื่นไม่รู้คนเยอะไหม แต่มางานหนังสือทีไร คนเยอะโคตรทุกที...

รอบนี้ก็มีหนังสือหลายค่ายนำมาลดราคาตามประสางานหนังสือ อยากรู้โปรโมชั่นอะไรก็ไปหาข้อมูลเองละกัน...   แต่แอบเซงที่สำนักพิมพ์ Bliss ปิดตัวไปแล้ว เลยไม่มีนิยายของฝั่งญี่ปุ่นมาให้สอยเลย

ส่วนรูปด้านล่างก็หนังสือที่ไปสอยมา แบกเดินไปเดินมากล้ามเกือบขึ้น เล่นเอาหิวเนื้อเลย (เกี่ยวไหมเนี่ย)

สำหรับคนที่ยังไม่มีแผนทำอะไรในวันพรุ่งนี้( 21 ตค) ก็ไปเดินเบียดคนเล่น ๆ ในงานหนังสือได้ครับ เผื่อจะได้หนังสือมาแบ่งปันกันอ่าน ^___^

วันนี้ขอจบด้วยคำคมโดน ๆ ของ ขงจื้อนะครับ
"การศึกษา ค้นคว้า ถ้าเอนเอียงไปสุดสายไม่ว่าข้างใดข้างหนึ่ง ก็มีแต่ผลเสียเท่านั้น"
Credit: http://www.oknation.net/blog/nun2504/2010/02/13/entry-8


วันพุธที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2555

เรื่องสั้นหัดเขียน: บัด โรงเรียนมหาเวท

ณ ชานชะลารถไฟ

"เฮ้อ.... เมื่อไหร่รถไฟจะมาวะเนี่ย มารอตั้งนานแล้ว" เสียงบ่นมาจากเด็กหัวเกรียน ทรงนักเรียนยอดนิยม

"อ้อ มันก็เสียเวลาเป็นปกติแหละ ไอ้หลานเอ้ย เป็นเด็กเป็นเล็กอย่าทำเป็นหงุดหงิดง่าย เดี๋ยวจะหัวเถิกนะ" ชายชราข้างเคียงพูดขึ้นกับอากาศ เนื่องจากรำคาญเสียงบ่นของเด็กหัวเกรียน

หลังจากโดนผู้อาวุโสแซว พุด เด็กนักเรียนหัวเกรียน ก็มองกลับไปจ้องเขม็ง พร้อมทำปากขมุบขมิบไม่เป็นภาษา จากนั้น พุดก็เบือนหน้าหนีไปจากคนแก่คนนั้น แล้วจดจ้องกับกระเป๋านักเรียนใบโตของตัวเอง พุดล้วงมือลงไปในกระเป๋านั้นเพื่อหยิบจดหมายยับยู่ยี่ออกมา  กระดาษที่เขียนมีลักษณะแปลกประหลาดที่พุดไม่เคยเห็นจากที่ไหนมาก่อน พุดเอามือคลี่กระดาษออกแล้วก็เอามือรีดโดยหวังว่ากระดาษจะเรียบขึ้น จากนั้นก็ตั้งตาอ่านเนื้อหาในจดหมายอีกครั้ง...

"สวัสดีครับ คุณพุด จดหมายฉบับนี้ส่งถึงคุณเพราะทางเราได้สืบทราบว่าคุณเป็นเลือดบริสุทธิ์ ที่สืบสายเลือดของจอมขมังเวท ปุโลหิตที่ ๓ ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ทางโรงเรียนของเรา จึงอยากเชิญคุณให้เดินทางเพื่อมาเข้าเรียนกับทางเรา โรงเรียนของเราเปิดสอนให้เฉพาะนักเรียนที่เป็นเลือดบริสุทธิ์เท่านั้น เพื่อให้มีการสืบทอดทักษะ และความสามารถของจอมขมังเวทสืบไป  ถ้าคุณสนใจ ขอให้มาที่สถานีรถไฟ ชานชะลาที่ ๒ เพื่อรอรถไฟเที่ยว ๕ ทุ่ม ๕๕ นาที ตู้ที่ ๕"

หลังจากอ่านจดหมายนี้จบรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ พุด ก็นั่งยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความภูมิใจ ที่ตนเองจะได้กลายเป็นจอมขมังเวทที่ยิ่งใหญ่ เหมือนกับที่เคยดูในหนัง

"แต่ เฮ้อ ไอ้รถไฟรอบ ห้าทุ่ม ห้าสิบห้านาที เนี่ยเมื่อไหร่มันจะมาวะเนื่ย นี่ก็ปาไปจะตี 1 แล้ว หรือว่าเราจะตกรถไฟ" พุดบ่นอยู่ในใจ

"แต่ก็ไม่น่านะ เพราะเราก็มารอตั้งแต่ 5 ทุ่มแล้วยังไม่มี รถไฟ ผ่านสถานีนี้ไปสักขบวน" พุดนั่งบ่นในใจ

หลังจากนั่งรอไปได้พักใหญ่ พุด ก็เผลอหลับไป มาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อมีเสียงอึกกะทึกดังขึ้น พร้อมกับกลิ่นเหม็นของการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์

พุด เอามือป้ายหน้างัวเงีย เพื่อปลุกตนเองให้ตื่นขึ้นมา พอตาเริ่มปรับโฟกัสได้ พุดก็พบว่ามีรถไฟจอดอยู่ชานชะลาแล้ว  พุดจึงเดินงัวเงียไปยังโบกี้ที่ 5 เพื่อขึ้นรถไฟตามที่ได้รับจดหมาย

พอเดินไปถึงรถไฟ พุดก็เงื้อไปที่ราวจับเพื่อเตรียมจะขึ้นรถ ระหว่างนั้นก็มีชายตัวใหญ่มายืนขวางทาง ไม่ให้พุดขึ้นไปบนรถไฟ ความหงุดหงิดพุดจึงพูดขึ้นว่า "น้าครับ ช่วยหลบทางด้วย ผมจะขึ้นรถไฟตู้นี้"

ชายร่างใหญ่เหลือบตามองมาที่พุด พร้อมกับพูดว่า "ไอ้หนู มีตั๋วเหรอ"

พุด รู้สึกเกลียดขี้หน้าชายคนนี้ทันที ถึงแม้ว่าพุดจะยังเป็นเด็กหัวเกรียน แต่เค้าก็ไม่ชอบให้ใครมาเรียกเค้าว่า ไอ้หนู

พุดจึงพูดสวนขึ้นมาว่า "ไม่มีหรอกตั๋ว แต่ผมจำเป็นต้องขึ้นรถไฟขบวนนี้ตามที่จดหมายนี้เขียนไว้"

ชายร่างใหญ่ทำท่าครุ่นคิดพร้อมพูดขึ้นว่า "ไหน ขอดูจดหมายหน่อยสิ"

พุดทำท่าลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นจดหมายให้ชายคนนั้น หลังจากชายคนนั้นได้รับจดหมายและอ่านแล้ว ชายคนนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงพอใจว่า "ดี ขึ้นมาไอ้หนู ยินดีต้อนรับสู่การเดินทางครั้งใหญ่ของเจ้า"

พุดรู้สึกขนลุกทันทีกับประโยคนี้ เหมือนว่าการเดินทางนี้จะเป็นเหมือนการเริ่มต้นในหนังที่เค้าเคยดู... เสียอยู่อย่างเดียวที่ พี่เบิ้มคนนี้พูดจาไม่เข้าหู ด้วยคำว่า ไอ้หนู  ไวเท่าความคิด พุดโหนตัวกับราวทางขึ้น เพื่อดึงตัวเองขึ้นไปบนรถไฟ  ชายที่ยืนขวางเมื่อครู่ก็ก้าวตามพุดขึ้นมาบนรถไฟ

ชายร่างใหญ่เดินนำหน้าพุด พร้อมพูดว่า "ไอ้หนู เดินตามมาเดี๋ยวจะพาไปตรงที่นั่ง" พุดรู้สึกยั้้วยิ่งขึ้น แต่ก็ได้แต่เดินตามชายคนนั้นไปยังที่นั่ง พอพุดหย่อนก้นลงบนเบาะแล้วสักพัก รถไฟขบวนนั้นก็เริ่มเดินทางออกไป...

ฉึกฉัก.... ฉึกฉัก.... ฉึกฉัก... เสียงรถไฟดังเป็นจังหวะ

รถไฟได้ออกมาจากสถานีที่พุดขึ้นมาได้พักใหญ่แล้ว พุดกวาดตามองรอบ ๆ โบกี้ก็พบเด็กอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเค้าอยู่หลายคน แต่ทุกคนก็หลับกันไปหมดแล้วพุดจึงได้แต่นั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง ซึ่งข้างนอกนั้นก็มีเพียงความมืดสนิท มีเพียงเงาไม้ผ่านมาเป็นระยะ ๆ เท่านั้น  ขณะนั้นพุดก็เริ่มเอนกายไปที่เบาะความกังวลต่าง ๆ รวมไปถึงเรื่องรถไฟได้หายไปแล้ว ประสาทที่ตื่นตัวอยู่นั้นก็ค่อย ๆ คลายลง และแล้วความง่วงก็เข้ามาจู่โจมแทน หนังตาของพุดค่อย ๆ หย่อนลง ไม่นานพุดก็ถูกดูดกลืนเข้าไปในห้วงนิทรา.....

จ๊อกแจ๊ก... จ๊อกแจ๊ก...  เสียงคนคุยกันอย่างวุ่นวายราวกับนกกระจอกแตกรัง...

เสียงอันดังและความวุ่นวายรอบ ๆ ตัวทำให้พุดตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทรา พอพุดตื่นขึ้นมา เค้าก็เอามือขยี้ตาเพื่อปลุกประสาทส่วนต่าง ๆ พร้อมกับมองออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อจะได้กะเวลาคร่าว ๆ พุดคิดว่าตอนนี้น่าจะเป็นเวลาสาย ๆ แล้วเพราะพระอาทิตย์ได้ลอยขึ้นสูงจากพื้นไปมาก หรือไม่แน่ก็อาจจะเกือบเที่ยงแล้วด้วยซ้ำ... บรรยากาศภายนอกนั้น เต็มไปต้นไม้เขียวขจี ผ่านบ้านหลังเล็กๆ ที่เห็นอยู่ไกลลิบ ขณะมองธรรมชาติภายนอกอย่างสงบ ก็มีมือปริศนามาตบลงที่บ่าของพุดอย่างแรง...

"เฮ้ สวัสดี นายชื่ออะไรอะ" เด็กชายรุ่นราวคราวเดียวกับพุด ตบบ่าเค้าพร้อมกับกล่าวทักทาย

"พุด แล้วนายหล่ะ" พุดถามกลับ

"อ้อ หวัดดีพุด เราชื่อทวี" เด็กคนนั้นตอบกลับ พร้อมกับพูดต่อแทบจะทันที "เออ ไว้ค่อยคุยกันทีหลัง เนี่ยเราเห็นรุ่นพี่คนนึงกำลังจะโชว์อาคมให้ดูด้วย ไปดูกันเหอะ"

พุดทำตาโต "โชว์อาคม!?" คำพูดนี้ทำให้พุดอึ้ังไม่รู้จะพูดอะไรต่อ

"เฮ้ย อย่าช้ารีบไปดูกันเหอะ เดี๋ยวไม่ทัน" ทวีฉุดพุดให้ลุกจากที่นั่ง แล้วตรงไปยังกลุ่มคนที่มุงกันรอบ ๆ รุ่นพี่คนนั้น

ความวุ่นวายจากผู้คนที่ล้อมรอบไม่ได้ทำให้รุ่นพี่คนนั้นประหม่าแต่อย่างใด รุ่นพี่คนนั้นทำปากขมุบขมิบ คล้ายร่ายคาถา ก่อนจะเริ่มแสดงทักษะ ทุกครั้งที่เค้าแสดง คนอื่น ๆ รอบตัวเค้าก็ทำเสียงฮือฮา พร้อมกับความตกตะลึง

เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่รู้ พุดยังคงตื่นตากับการแสดงอาคมของรุ่นพี่คนนั้น ก็มีเสียงหนึ่งดังขัดจังหวะขึ้นมา...  "ขอให้นักเรียนทุกคนกลับไปนั่งประจำที่ให้เรียบร้อย เราใกล้จะถึงที่หมายแล้ว" ...  หลังจากประกาศจบรุ่นพี่คนนั้นก็หยุดการแสดงแทบจะทันที ทำให้บรรดาไทยมุงทั้งหลายต้องสลายตัวกลับที่นั่งไปโดยปริยาย ซึ่งพุดก็เป็นหนึ่งในนั้น

...ชั่วเวลาที่ตดยังไม่ทันหายเหม็น... รถไฟก็มาถึงสถานี พุดและคนอื่น ๆ ก็เริ่มทยอยลงจากรถไฟโยมี ชายร่างใหญ่ทำหน้าที่เหมือนอาจารย์ที่พานักเรียนมาทัศนะศึกษา คอยตรวจสอบและช่วยเหลือให้ทุกคนลงรถไฟอย่างเรียบร้อย

"เอาหล่ะเราเกือบถึงที่หมายแล้ว เดี๋ยวขึ้นรถต่อไปอีกไม่นาน ก็ถึงที่โรงเรียนแล้ว"
"รถโรงเรียนน่าจะจอดอยู่ที่ด้านหลังสถานี เด็ก ๆ ตามมาดี ๆ นะ" ชายคนนั้นบอกพร้อมกับเดินนำไปยังที่บริเวณจอดรถของสถานีรถไฟ

พอเดินมาถึงที่จอดรถ ชายร่างใหญ่ มีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมกับพูดขึ้นว่า "แปลกมาก ปกติพวกนี้ไม่เคยสายหรือพลาดนัดนะ" จากนั้นชายร่างใหญ่จึงกวักมือเรียกรุ่นพี่ที่เคยแสดงอาคมบนรถไฟมาคุยซุบซิบ  หลังจากคุยกันได้ซักพัก ชายร่างใหญ่จึงพูดขึ้นว่า "ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น เอาเป็นว่าเราเดินไปเรื่อย ๆ ก่อนแล้วกันไม่ไกลเท่าไหร่หรอก"  จากนั้นชายคนนั้นก็เริ่มเดินนำ พร้อมกับกำชับให้รุ่นพี่คนนั้นเดินปิดท้ายขบวนเพื่อดูแลเหล่านักเรียน

หนึ่งกิโลแม้วผ่านไป... พุดก็เริ่มสังเกตเห็นโรงเรียนอยู่ในระยะสายตา ซึ่งโรงเรียนนั้นแตกต่างที่เค้าคิดเอาไว้มาก เค้านึกว่าโรงเรียนจะมีลักษณะเป็นสิ่งก่อสร้างแปลกประหลาดเหมือนในหนังแฟนตาซีที่เค้าเคยดู แต่นี่อะไรเนี่ย โรงเรียนเป็นอาคารไม้ธรรมดาไม่ได้อลังการอย่างที่หวังเลย  และสิ่งที่ขัดใจพุด หรืออาจบอกว่าตะหงิดใจมากกว่า คือทำไมมันเงียบจังวะ

เหมือนว่าความเงียบอันผิดปกตินี้จะก่อความกังวลให้กับชายร่างใหญ่ และ รุ่นพี่คนนั้นเช่นกัน ทั้งสองคนจึงหันมาบอกให้นักเรียนรออยู่ตรงนี้ จากนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังโรงเรียน โดยทิ้งเหล่านักเรียนไว้เบื้องหลัง

พุดรู้สึกได้ถึงความผิดปกติจึงวิ่งตามทั้งสองคนไป  แต่ด้วยยาวของขาที่แตกต่างกันมาก พุดก็ไม่อาจวิ่งตามทันคนทั้งสอง  กว่าพุดจะวิ่งมาถึงหน้าโรงเรียนคนทั้งสองก็หายไปจากระยะสายตาแล้ว เมื่อพุดเดินเข้าไปภายในโรงเรียน  สภาพภายในทำให้พุดเกิดอาการกังวลขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก  สภาพสิ่งของกระจัดกระจายเต็มพื้นราวกับพายุทอร์นาโดเพิ่งพัดผ่านไป หรือว่าอาจมีสงครามย่อย ๆ ภายในโรงเรียนแน่นอน  พุดพยายามเค้นพลังสมองเพื่อพิจารณาสถาณการณ์ที่เกิดขึั้นทันที   นี่ถ้าคาดเดาจากประสบการณ์ในหนัง พุดก็เดาไว้ว่าโรงเรียนนี้จะโดนโจมตีจึงทำให้สภาพเหมือนเพิ่งผ่านสงครามมา พุดยังจินตนาการต่อเนื่องว่า น่าจะเป็นสมาคมไสยศาสตร์ที่ชั่วร้าย หรือไม่ก็โรงเรียนคู่อรีแน่ ๆ เลยที่มาโจมตีโรงเรียนแห่งนี้

ขณะกำลังครุ่นคิดพิจารณาอยู่นั้น พุดก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหวอยู่ทางด้านหลัง พุดจึงหมุนตัวกลับหลังแทบจะทันที  สายตาของพุดสบตาเข้ากับชายชุดดำรูปร่างกำยำ ที่กำลังเดินตรงดิ่งมาที่พุด

ไวเท่าความคิด พุดทำท่าจะวิ่งหนีชายคนนั้น แต่อนิจจา การตัดสินใจของพุดช้าไปเพียงเสี้ยววินาที แขนของพุดถูกชายคนนั้นคว้าไว้ได้

พุดเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามดิ้นให้หลุด พร้อมทั้งโวยวาย เพื่อให้หลุดพ้นจากอุ้งมือของชายชุดดำนั้น แต่ขนาดตัวที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด พุดจึงไม่สามารถดิ้นหลุดจากพันธนาการของชายชุดดำได้ หลังจากพยายามหนีได้พักนึก ความเหนื่อยอ่อนและความเครียดก็ถาโถมเข้าใส่จนทำให้พุดสลบไป....

...นานเท่าไหร่ไม่อาจบอกได้.... พุดตื่นมาพร้อมกับเสียงดังของทีวี ขณะที่ยังงัวเงียอยู่นั้นสายตาของพุดก็เห็นภาพของตึกเรียนในทีวี....

"ข่าวเด่นวันนี้ ทางตำรวจร่วมมือกับทหารตระเวนชายเดน ปฏิบัตการร่วมมือกันถล่มโรงเรียนที่ไม่มีใบอนุญาติใกล้ชายแดนไทย พม่า  เนื่องด้วยทางราชการสืบทราบว่า ที่แห่งนี้ได้ทำการเปิดโรงเรียนบังหน้า เพื่อหลอกล่อเด็กนักเรียนให้มาเรียนที่นี่ เด็กนักเรียนส่วนมากยังแอบหนีทางบ้านเพราะเชื่อจดหมายเชิญชวน  หลังจากที่เด็กเหล่านั้นเดินทางมาถึง  ที่นี่จะทำการจับเด็กนักเรียนเอาไว้   ถ้าเป็นเด็กที่ทางบ้านมีฐานะยากจน เด็กคนนั้นก็จะถูกส่งไปขายหรือส่งไปเป็นแรงงาน  ถ้าโชคดีทางบ้านมีฐานะดี ก็อาจจะถูกนำไปเรียกค่าไถ่...."   จากนั้นภาพในทีวีก็แพนไปยังบุคคลผู้สมรู้ร่วมคิด ซึ่งตอนนี้ได้ถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือ ใบหน้านั้นช่างคุ้นตาพุดนัก ก็ไม่แปลกเพราะนั่นคือหน้าของ ชายร่างใหญ่ และรุ่นพี่คนที่แสดงอาคมนั่นเอง หลังจากนั้นกล้องก็ย้ายไปจับที่ภาพของชื่อโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนนี้ก็คือ โรงเรียนบัด(ซบ)...นั่นเอง"


ปล. จบแล้วครับแบบมึน ๆ ยังไงก็แนะนำติชมได้นะครับ...

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ยกเครื่องความคิด (REWORK)

สวัสดีครับ วันนี้ขอนำเสนอหนังสือธุรกิจแหวกแนว ที่แตกต่างจากหนังสือให้คำแนะนำทางธุรกิจที่หาได้กราดเกรื่อนทั่วไป... ยกเครื่องความคิด (REWORK)

หนังสือธุรกิจที่จะช่วยให้คุณปรับแต่งความคิดและมุมมองใหม่ ช่วยปรับปรุงการทำธุรกิจให้มีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งให้มุมมองในแง่ที่แตกต่างไปจากหนังสือแนะนำทั่ว ๆ ไป  พูดง่าย ๆ คือ หนังสือธุรกิจแหกคอกนั่นเอง (ในทางที่ดีนะ)  ;)

สำหรับเนื้อหาในหนังสือแบ่งออกเป็นตอนสั้น ๆ ช่วยให้อ่านและจับใจความได้ง่าย เนื้อหาส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ของผู้แต่งซึ่งเป็นเจ้าของ software house และ เจ้าของ blog 37signals  บริษัทเล็ก ๆ ที่ตั้งใจจะไม่ขยายให้ใหญ่โต ด้วยแนวคิดที่แปลกและไม่เหมือนใคร ก็เป็นส่วนช่วยให้บริษัทนี้เจริญเติบโตอย่างยั่งยืน (ในแง่รายได้ ไม่ใช่ขนาดบริษัท) ซึ่งก็เป็นอีกแนวทางที่ผู้แต่งพยายามนำเสนอ เพราะบริษัทที่จ้างคนมากเกินความจำเป็น จะเป็นการสร้างความลำบากให้กับเจ้าของบริษัท มากกว่าการทำให้งานต่าง ๆ สบายขึ้น...

ไหน ๆ ก็ไหน ๆ (เหมือนไม่ได้ใช้คำนี้มานานมาก) ขอยกตัวอย่าง คำแนะนำบางส่วนจากหนังสือก็แล้วกันนะครับ เผื่อจะได้เห็นภาพ... ตอน ว่าจ้างเมื่อเริ่มเจ็บ เป็นการให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจ้างงานว่าเราไม่ควรจะจ้างเพื่อความพอใจ แต่เราควรเริ่มมองหาคนที่เราจะจ้างเมื่อเราจำเป็นจริง ๆ ไม่สามารถใช้โปรแกรมช่วยหรือเปลี่ยนการทำงาน และไม่สามารถมองข้ามไปได้... รวมไปถึงเมื่อมึคนออก อย่างเพิ่งจ้างคนใหม่ให้ลองดูก่อนว่าเราจำเป็นจริง ๆ หรือป่าว ถ้าจะเอาให้เป็นรูปธรรมคือเมื่อคุณภาพงานเริ่มถดถอย นั่นแหละเป็นจุดบอกว่าธุรกิจเริ่มเจ็บแล้ว

ขอสรุปเลยแล้วกันครับว่าสำหรับคนที่อยากลองมองธุรกิจในมุมนอกกรอบ ผมก็ขอแนะนำหนังสือเล่มนี้ ไม่แน่นะ คุณอาจได้ไอเดียดี ๆ จากหนังสือ ที่สามารถนำมาปรับปรุงธุรกิจหรือการทำงานของคุณให้มีประสิทธิภาพขึ้นได้.... ไม่ลองไม่รู้นะครับ    ขอให้ร่ำรวยกันถ้วนหน้า มีความสุขกับการอ่านหนังสือครับ :)


วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ปริศนาสมบัติอัศวิน (THE LAST TEMPLAR)




หลังจากรีวิวนิยายสืบสวนสอบสวนมาพักใหญ่ ส่วนมากก็ของพี่ญี่ปุ่นทั้งนั้น ก็ได้เวลาโอนค่ายย้ายมารีวิวนิยายของฝั่งฝรั่งบ้าง.... ถ้าคนเคยอ่านนิยายของฝรั่งก็จะรู้ว่า นิยายส่วนมากของฝรั่งจะเล่มเป้งมาก คือใหญ่ กว่านิยายของพี่ยุ่นอย่างเห็นได้ชัด (แหมะ ถ้าไม่เชื่อนะ ลุกออกจากคอมแล้วเดินไปดูที่ร้านหนังสือเลย)  แต่ไม่ต้องกลัวเพราะรีวิวของเราไม่ได้ขึ้นกับขนาดหนังสือหรอก จริงจิ๊งงงงนะ

เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อเกิดคดีปล้นพิพิธภัณฑ์ เรื่ององราวจะธรรมดามากเลยถ้าแค่มีคนแอบย่องเข้าไปขโมยของหรือมีคนควงปืนบุกปล้น  แต่เหตุการณ์ไม่ได้ธรรมดาเยี่ยงนั้น.... เมื่อมีชายสี่คนแต่งกายด้วยชุดอัศวินเทมปลาร์ (Templar) ขี่ม้าบุกเข้าไปในพิธีเปิดนิทรรศการสมบัติวาติกัน ณ พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน (The MET) กลางเมืองนิวยอร์ค  และได้ขโมยสมบัติที่หาค่าเปรียบไม่ได้ไปหลายชิ้น รวมไปถึงเครื่องถอดรหัสด้วย

การกระทำอันอุกอาจนี้ทำให้ ฌอน ไรล์ลี สายลับเอฟบีไอกับเทส เชย์กิ้น นักโบราณคดีสาว ต้องเข้าสู่การไล่ล่าที่สุดแสนอันตรายจากนักฆ่า ต้องเดินทางข้ามทวีปเพื่อติดตามหาค้นร้ายและต้องไล่ตามหาความจริงของปริศนา ความจริงที่ซึ่งจมลงไปพร้อมกับเรือฟอลคอนเทมเปิล ความจริงที่จะสั่นสะเทือนโลกใบนี้...

ปล. ผู้แต่งเรื่องได้เชื่อมโยงเนื้อเรื่องไปถึงคริสต์ศาสนา (ฝรั่งก็ชอบป่วนอย่างงี้แหละ... แต่เข้าใจด้วยนะว่ามันเป็นเรื่องแต่ง) เพราะฉะนั้น อาจขัดหูขัดตาบ้างนะสำหรับคนที่นับถือศาสนานี้  เอาเป็นว่า เราเตือนท่านแล้วนะ  อยากจะอ่านก็ตามใจ   แต่ถ้าไม่คิดอะไรมากก็ขอแนะนำเลยเพราะมันสนุกและน่าติดตามอย่างแฮง(อย่างแรง)


วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: KORO KORO โกโระ โกโระ

วันนี้มาเปลี่ยนแนวหนังสือที่จะมาแนะนำจิ๊ดนึง เนื่องจากว่ารีวิวนิยายหลายเรื่องซ้อนแล้ว กลัวจะเอียนกันซะก่อน มาเปลี่ยนอารมณ์เป็นหนังสือขำ ๆ จาก a book ซึ่งแน่นอนว่า อาร์ต(ART) ส่วนตัวพ่อหรือตัวแม่ก็แล้วแต่จะคิด  ส่วนที่คิดว่าตูอ่านไม่เข้าใจแน่เลย เพราะตูไม่อาร์ต(เลย)  ขอบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าจะอ่านไม่รู้เรื่อง เพราะเราอ่านมาแล้วก็เก็ตทุกมุขนะ

KORO KORO(โกโระ โกโระ) คือ การนอนกลิ้งไปมา.... หนังสือเล่มนี้ก็ต้องใจให้อ่านขำ ๆ (จริง ๆ) จะได้กลิ้งไปมาตามชื่อ แถมช่วงนี้ก็ลด 50% ด้วย ไม่บอกร้านละกันเดี๋ยวว่ามาขายของ รับรองว่า ซื้อขำ ๆ ได้ไม่ผิดหวังเพราะราคาดี คุณภาพผ่าน.... ไม่มีการรีวิว เรามีแต่การอวย 555+

วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: เขี้ยว

ในที่สุดก็มาถึงหนังสือเล่มสุดท้ายที่ได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติปี 2555 กว่าจะเขียนเสร็จก็ปาไปหลายเดือนเหมือนกัน ซึ่งตอนแรกนึกว่าจะเขียนเสร็จหมดภายในเดือน สองเดือน....  บ่นเยอะเดี๋ยวจะหาว่าบ่นเก่ง เริ่มเลยละกัน

เขี้ยว นิยายแนวฆาตกรรม-สืบสวนสอบสวน (แน่นอนที่สุด) คดีเริ่มต้นขึ้นเมื่ออยู่ ๆ ชายคนหนึ่งโดนไฟลุกท่วมเฉพาะร่างกายท่อนบนโดยไร้สาเหตุ ซึ่งตำรวจเดาว่าชนวนระเบิดน่าจะมาจากเศษโลหะที่มีลักษณะเหมือนหัวเข็มขัด นอกจากนี้ตำรวจยังพบรอยเขี้ยวบนขาของผู้ตาย ... ต่อมาไม่นานก็เกิดคดีฆาตกรรมอีกสองรายซ้อน จากสภาพศพตำรวจสันนิฐานว่าน่าจะเป็นการโจมตีของสัตว์ขนาดใหญ่ ที่น่าแปลกใจคือรอยเขี้ยวบนศพทั้งสองเหมือนกับรอยเขี้ยวบนศพที่ถูกไฟคลอก  คดีทั้งสองดูไม่น่าเกี่ยวข้องกัน แต่มีสิ่งที่ทำให้คดีทั้งสองดูเกี่ยวเนื่องกันก็คือรอยเขี้ยวนั่นเอง

...ทากาโกะตำรวจหญิงหนึ่งเดียวแห่งชุดสอบสวนเฉพาะกิจ ที่นอกจะปวดหัวกับคดีที่มองไม่เห็นทางไปแล้ว ยังต้องปวดหัวกับคู่หูลักษณะเหมือนเพนกวินกับนิสัยที่น่าหดหู่ รวมไปถึงความกดดันจากคนรอบตัวจากแผนกสอบสวนเฉพาะกิจอีกด้วย...


โดยรวมเนื้อเรื่องสนุกดีนะครับ อ่านแล้วน่าติดตาม แต่น่าเสียดาย การเฉลยรวดเร็วไปนิด คือประมาณกลาง ๆ เล่ม ปมก็เริ่มคลายอย่างรวดเร็วซึ่งก็พอเดาได้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ขอบอกว่าเรืองนี้เป็นนิยายแนวสืบสวนที่น่าอ่านอีกเรื่องนะครับ....ขอบอก



วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ปริศนาฆาตกรรมหั่นศพ

หายหน้าหายตาไปพักใหญ่กับการรีวิวหนังสือเลย เนื่องจากช่วงนี้โดนพ่อมดน้ำแข็ง(Blizzard) ร่ายเวทใส่ จนติดเกม D3 (Diablo III) งอมแงม เลยไม่ได้มาอัพเลย  หลังจากดองโพสนี้ไว้พักใหญ่ก็ได้เวลากลับใจกลับมาเขียนต่อให้จบ เพราะขืนดองนานกว่านี้จะลืมซะก่อน.... แอบเขียนยากนิดนึงเพราะอ่านเรื่องนี้จบมาพักใหญ่ละ เริ่มลืม ๆ แถมมึน ๆ ไปกับนิยายอีกเล่มที่อ่านจบหลังจากเล่มนี้ได้พักนึง 

ปริศนาฆาตกรรมหั่นศพ นิยายแนวสืบสวนสอบสวนจาก มิยาเบะ มิยูกิ นักเขียน นวนิยายแนวสืบสวนสอบสวนและฆาตกรรมชั้นแนวหน้าของญี่ปุ่น ผลงานที่น่าสนใจก็มี เสียงกระซิบสังหาร, ฆาตกรรมระดับ 7 และ คุณพ่อหัวขโมย แค่นี้ก็น่าจะการันตีความสนุกได้ระดับหนึ่งแล้ว แต่เพื่ออรรถรสที่มากขึ้นก็ต้องมีการเกริ่นนำเรื่องนิดหน่อยพอเป็นน้ำจิ้ม (อ้า น้ำลายไหล หิวข้าว ......... แงว - -")

เมื่อชิ้นส่วนของร่างกายของศพปริศนาถูกหว่านทิ้งทั่วย่านเมืองเก่าชานกรุงโตเกียวพร้อมด้วยจดหมายปริศนาที่มาพร้อมกับข้อความท้าทายตำรวจที่บ่งบอกถึงสถานที่ซ่อนชิ้นส่วนของศพ เมืองทั้งเมืองจึงเข้าสู่ความหวาดผวา


จุนและเพื่อนสงสัยในตัวจิตรกรใหญ่ โทโงะว่าอาจเป็นฆาตกร เพราะข่าวลือที่แพร่กระจายเรื่องหญิงสาวที่เข้าไปในบ้านของจิตรกรแล้วหายตัวไป แล้วจุนยังได้รับจดหมายส่งมาที่บ้าน ระบุว่า โทโงะเป็นฆาตกรสำทับอีกด้วย ความเคลือบแคลงในตัวโทโงะ ทำให้จุนตัดสินใจตีสนิทกับจิตรกรใหญ่เพื่อหาข้อมูล และ จุนก็พบว่าตัวเขาได้เข้าไปพัวพันกับคดีอันน่าสะพรึงกลัวนี้....


ปริศนาฆาตกรรมหั่นศพ เป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนที่สนุกอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว มีการผูกเรื่องได้น่าสนใจและน่าติดตาม  มีการพลิกเนื้อเรื่องอยู่ตลอดเดาแทบไม่ถูกเลยว่าจะจบยังไง สรุปว่า สนุกครับ ถ้าเป็นคอนิยายแนวสืบสวนสอบสวนก็ลองหยิบมาอ่านดูนะครับ รับรองไม่ผิดหวัง ..... :D

วันอาทิตย์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ขอขอบใจในความไม่สะดวก

หลังจากรีวิวนิยายไป 4 เล่มซ้อน ขอเปลี่ยนแนวบ้างละกันนะครับ เดี๋ยวจะเบื่อกันก่อน...

ขอขอบใจในความไม่สะดวก  หนังสือแนวจรรโลงใจ ไปกับการสนุกคิดกับมุมมองรอบตัว ของ ใบพัด นักเขียนจากคอลัมน์ "บางมุมที่น่ามอง"


ใบพัดนำเสนอเรื่องราวต่าง ๆ รอบตัวเรา มาพลิกอีกด้านหนึ่งให้เรามองแล้วก็ยิ้ม :)  บางคราวก็พลิกแล้วให้เราลองคิดตามแล้วจินตนาการ และบางครั้งก็ตีลังกาสิ่งรอบตัวเพื่อให้เรามองทั้งตนเองและสังคม แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ต้องถ่ายทอดได้ดีถึงจะอ่านเข้าใจ... ซึ่ง ใบพัด ก็สามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม

บรรยายด้านบนอาจชวนงง ก็คิดจะเอาตัวอย่างมาแนะนำนะครับ แต่ไม่รู้จะตัดมายังไงให้อ่านรู้เรื่องเลยขอสรุปแบบลวก ๆ (ลวกจริง ๆ) อาจเขียนไม่ดีเท่าแต่ก็น่าจะเป็นไอเดียสำหรับคนที่สนใจจะหาหนังสือมาอ่านนะครับ...

มีอยู่ตอนนึงเค้าบรรยายสภาพรถติดที่เกิดจากรถเสีย ในรถคันหนึ่งที่ติดอยู่ด้านหลังรถคันที่เสีย มีคนอยู่สามคน คนนึงนั่งหงุดหงิด บ่นไปมา พาลคิดว่าเมื่อไหร่จะได้หลุดจากตรงนี้ คนนึงนั่งเหม่อลอยไม่สนใจสิ่งรอบตัว ดังเช่นคนปลงได้ และอีกคนนึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรแจ้งจราจรให้ทราบ เพื่อจะได้มาจัดการ ... คุณคิดว่าคุณเป็นเหมือนคนไหน แล้วคนไหนหล่ะที่คุณอยากให้นั่งรถไปกับคุณครับ ^__^ 

**คลิ๊กที่นี่เพื่ออ่านรีวิวหนังสือที่น่าสนใจ เล่มอื่น ๆ ครับ**

รีวิว: คุณพ่อหัวขโมย

คุณพ่อหัวขโมย นิยายสืบสวนแนวฮา จาก มิยาเบะ มิยูกิ ผู้แต่งนิยายลึกลับซ่อนเงื่อนเรื่อง เสียงกระซิบสังหาร และ ฆาตกรรมระดับ 7 (งง หล่ะสิ นิยายลึกลับซ่อนเงื่อนมันจะเปลี่ยนไปเป็นแนวฮาได้อย่างไร) แต่มันก็เป็นไปแล้ว โดยไปได้ด้วยดีเสียด้วย

คุณพ่อหัวขโมยเป็นนิยายสืบสวนที่แฝงความฮาไว้อย่างมากมาย (สนุกจริงจัง) โดยเรื่องเริ่มจากตีนแมวมืออาชีพ(หรือเข้าใจว่าตนเองเป็นมืออาชีพ) โดนสวรรค์ลงโทษ ไม่ใช่สิต้องธรรมชาติลงโทษมากกว่า ขณะปฏิบัติกิจ(ขโมยนะ อย่าคิดลึก)  เลยต้องจับพลัดจับพลูต้องมาเป็น "คุณพ่อกำมะลอ" ให้เด็กฝาแฝดจอมแสบ ซาโตชิ และ ทาดาชิ ซึ่งนำพาไปสู่คดีพิสดารต่าง ๆ ...

เรื่องในหนังสือจะแบ่งเป็นตอน ๆ ขนาดกำลังดี อ่านเพลิน ลองหามาอ่านดูรับรองจะติดใจ อย่าให้ปกหลอกตาคุณนะ (เพราะเกือบไม่ซื้อเพราะปกแล้ว...) ขอให้สนุกกับการอ่านครับ

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ยามาเนะโกะ

ยามาเนะโกะ จอมโจรรัตติกาล (KAITOU TANTEI YAMANEKO) ถ้าจะเอาชื่อภาษาปะกิดก็ The Mysterious Thief Detective "YAMANEKO" by Manabu KAMINAGA หนังสือเล่มที่ 3 จากกองหนังสือที่ได้มาจากสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ หนังสืออ่านสนุกเพลิดเพลิน เดี๋ยวจะหาว่าอวยเกินไปเริ่มเกริ่นเรื่องให้ฟังดีกว่า (ส่วนชื่อด้านบนเขียนให้มันหลากหลายจะได้ดูเยอะ ๆ เดี๋ยวมันจะสั้นเกินไป)

ยามาเนะโกะ (ซึ่งแปลว่า แมวป่า) เป็นจอมโจรลึกลับที่ไม่รู้จักคำว่าพลาด การลงมือแต่ละครั้ง แทบจะไร้ร่องรอย ที่เจ้าทุกข์รู้ว่าใครเป็นคนลงมือก็รู้ได้เพราะยามาเนโกะทิ้งชื่อตนเองเอาไว้ในตู้เซฟ คิดดูว่าถ้าไม่แน่จริงจะกล้าประกาศตัวเช่นนี้หรือ...

เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อมีคดีฆ่าชิงทรัพย์กลางสำนักงาน ผู้ตายคือบรรณาธิการอิมาอิ บรรณาธิการของนิตยสารแนวเจาะลึกที่หยิบประเด็นทางสังคมมาตีแผ่เพื่อเปิดโปงการกระทำผิด ศพถูกพบในห้องที่มีสภาพเละเทะเหมือนพายุพัดผ่าน กองเอกสารต่าง ๆ กระจายเต็มพื้น สิ่งที่ตำรวจสันนิฐานได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นฝีมือของเค้า ก็เพราะกระดาษโน๊ตลงชื่อ "ยามาเนโกะ"

คัตสึมุระนักข่าวหนุ่มได้รับหน้าที่เขียนสกู๊ปตามรอย "ยามาเนะโกะ" หลังจากพบว่า อิมาอิ ผู้มีพระคุณของเค้าฆ่าตาย เค้าจึงพยายามสืบหาหลักฐานต่าง ๆ จากสิ่งที่อิมาอิทิ้งเงื่อนงำไว้ การกระทำของเค้าเหมือนจะสร้างความไม่พอใจให้หลายฝ่าย คัตสึมุระจึงถูกตามล่าโดยชายลึกลับ ด้วยเหตุจำกัดข้อนี้เค้าต้องพยายามค้นหาความจริงของ "ยามาเนะโกะ" ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นและศูนย์กลางของเรื่องทั้งหมด...

รับรองว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินไปในทิศทางที่คุณคิดไม่ถึงเลยทีเดียว การันตีความสนุก ถ้าว่าง ก็ลองหามาอ่านดูนะครับ  สนุกสนานกับการอ่านนะครับ ^_^

FYI: เรื่องนี้มาจากผู้เขียนเดียวกับนิยายชุด ยาคุโมะ นักสืบวิญญาณ.. เรื่่องยาคุโมะมีเวอร์ชั่น anime ด้วยนะเออ แต่ไม่รู้ยาคุโมะเดียวกันไหมเพราะเคยดูเฉพาะ anime ไม่เคยอ่านหนังสือ

วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: ฆาตกรในกระจกเงา

     ณ เวลานี้ ฉันอยู่ที่นี่
     มีชีวิตและอยู่ตรงหน้าเธอ
     นานมาแล้วที่เธอไม่รู้ว่าเบื้องหน้าคือใบหน้าคนอื่น ไม่ใช่ใบหน้าของเธอ
     ไม่ว่าทาลิปสติกหรือหวีผม เธอไม่เคยใส่ใจ ขณะที่ฉันเฝ้าเลียนแบบกริยาท่าทางซ้ำ ๆ เหล่านั้นด้วยความชำนาญโดยไม่รู้เบื่อ ลอกเลียนกระทั่งความสดใสยามเธอเผลอยิ้มเมื่อเห็นใบหน้าถูกแต่งแต้มสีสัน
     ฉันเป็นเงา ต่อให้เธอเยื้องกรายออกไปไหน ฉันก็จะตามติดไปทุกหนแห่ง
     แต่สักวันเธอคงรู้ตัว
     วันที่ฉันเลิกเป็นเงา
     วันที่แม้เธอแย้มยิ้มสักเท่าไหร่  ก็จะเห็นเพียงใบหน้าเรียบเฉยมองตอบ
     แล้วเธอจะรู้ว่าตรงหน้าคือหญิงซึ่งเคยตายด้วยน้ำมือเธออย่างลับ ๆ
     วันนั้น... ฉัน 'จะไปพบ' เธอ

บทนำของ ฆาตกรในกระจกเงา i(ai) - KAGAMI NI KIETA SATSUJINSHA J-BOOK แนว suspense ทีได้มาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ... ฮั่นแน่ น่าสนใจใช่ไหม

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ ศพของเอ็ทสึโกะนักเขียนหน้าใหม่ถูกพบในห้องปิดตายของแมนชันซึ่งเพิ่งย้ายเข้าพัก ที่เล่นเอาตำรวจมึนตึ๊บ เพราะหลักฐานที่ถูกทิ้งไว้เพียงหนึ่งเดียวในจุดเกิดเหตุคือ รอยเท้าเปื้อนเลือดมุ่งหน้าสู่กระจกเงา ทว่ารอยเท้านั้นไม่มีรอยหวนกลับ ราวกับว่าฆาตกรหายเข้าไปในกระจก

เหตุการณ์ต่าง ๆ ก็ยังสอดคล้องกับนิยายที่เอ็ทสึโกะเขียนค้างไว้ เรื่อง 'ภาพลวงตา' ซึ่งเป็นเรื่องของเหตุการณ์ฆาตกรรมในอดีตและ 'เงา' ในกระจกที่เฝ้าหลอกหลอนเธอ...

เรื่องนี้เป็นนิยายแนวสืบสวนที่ปมค่อย ๆ ขมวดเกลียวขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งอ่านยิ่งน่าติดตาม ชวนฉงนสงสัยว่าใครกันที่เป็นฆาตกร เนื้อหาค่อยข้างสนุกน่าติดตาม ซึ่งไม่กล้าพูดเยอะ เดี๋ยวจะกลายเป็น spoil แทนแล้วจะไม่สนุก....

ถ้าเป็นคอนิยายแนวสืบสวนก็เป็นอีกเล่มที่น่าลองหามาอ่านนะครับ ถึงไม่สนุกถึงขั้นวางไม่ลง แต่รับรองว่าสนุกพอให้อ่านจนจบเล่มก็แล้วกัน รับรอง 0_<

วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

รีวิวหนังสือ: เสน่ห์หาฆาตกรรม (LETHALLY BLOND)

เสน่ห์หาฆาตกรรม (LETHALLY BLOND) หนังสือเล่มแรกที่เริ่มอ่าน หลังจากไปถอยหนังสือมาจากงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ที่ต้องอ่านเล่มแรกเพราะโดนบังคับให้ยืม (งงหล่ะสิ) คือ เพื่อนยัดใส่มือแล้วบอกให้ยืม ไอ้เราก็ -__- ก็ได้ สงสัยกะให้เป็นหนูลองอ่าน ก็เลยกะว่าจะเริ่มอ่านเล่มแรกจะได้ เอาไปคืน อารัมภบทยาวไป เข้าเรื่องดีกว่า

เสน่ห์หาฆาตกรรม เป็น นิยายแนวปริศนาฆาตกรรมและความรัก (แหมะ ชื่อเรื่องก็บอกแล้ว) เขียนโดย Kate White บรรณาธิการนิตยสาร Cosmopolitant นิตยสารยอดนิยมของสาว ๆ .. ซึ่งแน่นอนว่านิยายย่อมมีกลิ่นอายที่สาว ๆ ชอบแน่นอน

เล่มนี้เป็นคดีที่ 5 ของ เบลีย์ เวกกินส์ นักสืบสาวจำเป็น สไตล์ working woman (ไม่ต้องตกใจ เพราะคุณยังอ่านรู้เรื่องอยู่ เพราะผู้แต่งเขียนให้แต่ละคดีจบในเล่ม แต่ในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครอาจจะแอบงง) ที่นอกจากจะเอาตัวเองไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมจนตัวเองแทบไม่รอด ยังมีเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เข้ามาให้ปวดหัวอีก เรื่องปวดหัวต่าง ๆ เริ่มขึ้นจากการที่นักแสดงหนุ่มที่รู้จักกันขอให้ร้องให้เธอสืบหาเพื่อนนักแสดงที่หายตัวไป ซึ่งการตามหานี้ก็พาเธอไปพบศพถูกไฟคลอก เธอจึงต้องสืบหาเบื้องหลังการตาย....

นิยายเรื่องนี้เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก ในส่วนของการสืบสวน แต่ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร อาจไม่ค่อยโดนใจหนุ่ม ๆ เท่าไหร่นัก...

สรุปว่าถ้าคุณเป็นผู้หญิงและชอบนิยายแนวสืบสวน นิยายเล่มนี้เหมาะกับคุณแล้ว แต่ถ้าคุณเป็นผู้ชายก็ลองเปิดอ่านดูก่อนหรืออาจข้ามไปก็ได้ เพราะ คุณเบลีย์ เธอบ่นในใจเยอะเกินเหตุ อ่านแล้วอาจแอบเซง เหมือนผม (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

สรุปสุดท้ายจริง สนุกแต่ไม่โดน ขอให้สนุกกับการอ่านนะครับ ^__^

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

ครึ่งคึ่ง กลางกาง กับ ฝันวัยเด็ก

โตขึ้นอยากเป็นอะไร นี่คือคำถามยอดนิยมที่เรามักได้ถูกถามเสมอ เมื่อสมัยยังเด็ก ส่วนคำตอบนั้นก็สุดแล้วแต่จินตนาการและวัยวุฒิ ถ้าคุณถามเด็กเล็กๆ คำตอบอาจจะกว้างเป็นได้ทุกสิ่งทุกอย่างสุดแล้วจินตนาการจะพาไป อาจเป็นฮีโร่คนใดคนหนึ่งทั้งในการ์ตูนหรือชีวิตจริงของเค้าหรือเป็นสัตว์ประหลาดก็อาจเป็นได้ แต่ถ้าเด็กโตขึ้นมาหน่อยเค้าอาจตอบเป็นอาชีพในอนาคต ซึ่งเป็นคำตอบอันเกิดจากการเสี้ยมและสอนว่าคำตอบต้องไปในทิศทางนี้หรือคำถาม ก ข ค ง เพราะจินตนาการได้ถูกจำกัดให้เหลือแต่ในกรอบแห่งความเป็นจริง

เกริ่นมายืดยาวแล้วตกลงว่าฝันวัยเด็กผมคืออะไร...ผมอยากเป็นนักวาดการ์ตูนครับเป็นความฝันที่อลังการที่สุดเท่าที่เด็กที่เกิดก่อนยุคเกมคอมพิวเตอร์จะนึกออก สิ่งที่หล่อหลอมจิตใจเด็ก ๆ สมัยนั้นคือการ์ตูนช่อง 9 ในช่วงเช้า เสาร์-อาทิตย์ ที่มีน้าต๋อยพากย์แทบทุกเรื่อง อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้จนเป็นปัจจัยที่ 5 ของชีวิตวัยเด็กคือหนังสือการ์ตูน ที่เราอ่านได้ไม่เคยเบื่อ

ฝันนี้ของผมยังคงติดตัวขึ้นมาจนถึงสมัย ม.6 ที่ถึงจุดทางแยกชีวิตกับการเอนสะท้าน(เอนทราซ์)เพื่อเข้ามหาลัย จริงๆ ก็ยังอยากไปทางที่ชอบ แต่ด้วยความสังวรในทักษะทางศิลปะที่ต้อยต่ำ จึงต้องเบนเข็มชีวิตออกไปจากความฝันวัยเยาว์ สู่จุดมุ่งหมายตามแบบผู้ใหญ่ แต่ฝันในวัยเด็กก็ยังวนเวียนมาให้นึกถึงไม่จางไป ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องเอากระดาษกับดินสอมาวาดรูปเล่น....

แล้วคุณหล่ะครับ ไปถึงจุดหมายปลายฝันหรือยัง หรือว่ายังติดอยู่แบบครึ่งๆ กลางๆ แบบผม

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

รีวิว: วิถีไม่ตัน

Review: วิถีไม่ตัน

เป็นหนังสือใหม่อีกหนึ่งเล่มที่ไปซื้อมาพร้อม ๆ กับ สนุกคิดในชีวิตประจำวันแบบเศรษฐศาสตร์ (The Economic Naturalist) แต่เล่มแรกยังอ่านไม่จบก็โยกมาอ่านเล่มนี้ก่อน เพราะดูแนวโน้มแล้วน่าจะอ่านง่ายกว่า (ซึ่งก็จริง)

เข้าเรื่องเลยละกัน...ถ้าเคยได้ฟังเรื่อง/อ่านของคุณตันมาบ้าง อาจจะพบว่าเนื้อหาบางส่วนผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว... แต่ถ้าทำเป็นไม่สนใจในส่วนนี้ก็จะพบว่า หนังสือเล่มนี้ยังนำเสนอทฤษฏีและแนวความคิดที่น่าสนใจ (ซึ่งไม่รู้จะซ้ำกับเล่มอื่นไหม เพราะเพิ่งเริ่มอ่านเล่มแรก) ที่ช่วยให้คุณตันก้าวมาถึงจุดนี้

หนังสือเล่มนี้จะเสนอเป็นตอน(วิถ๊)สั้น ๆ ตอนละประมาณ 3-4 หน้า ซึ่งผมคิดว่ามันช่วยให้โฟกัสได้ง่ายขึ้น

อันนี้เป็นหนึ่งหนึ่งในหนังสือนี้ - ลายเซ็นที่เป็นของเราเอง
หลักๆ ของตอนนี้ คือ ถ้าเราอยากจะเดินตามไอดอลที่ประสบความสำเร็จ ก็ขอให้ "เรียน" ให้ถ่องแท้ อย่า "เลียน" แค่ผิวเผินโดยไม่ได้เข้าใจอย่างลึกซึ้ง แล้วก็อย่าลืมความถนัดและความสามารถของตนเอง ให้เอาความรู้ที่ได้ "เรียน" มาประยุกต์ให้เข้ากับตนเอง ไม่ใช่ "เลียน" แบบเค้าไปทุกอย่างแล้วหวังจะประสบความสำเร็จตามเค้า ...ให้รู้ว่า...ความสำเร็จไม่มีสูตรตายตัว อยากสำเร็จต้องหาทางเองให้เจอ... (ปล ภาษาในหนังสือจะสลักสลวยกว่านี้นะครับ อันนี้คิดเองเขียนเอง)

สรุปแล้วก็เป็นอีกเล่มที่อยากแนะนำให้หามาอ่านกัน ซึ่งน่าจะช่วยขยายแนวคิดและมุมมองทางธุรกิจและชีวิตให้กว้างขึ้นได้...

สุดท้าย(จริง ๆ) ขอยกคำกล่าวของท่านหนึ่งซึ่งเคยอ่านเจอ แต่จำชื่อไม่ได้ - หนังสือดีมีประโยชน์ ยิ่งอ่านมาก ยิ่งรู้มาก แต่อย่าสักแต่ว่าอ่านให้จดจำและนำไปใช้ด้วย ไม่งั้นก็เสียเวลาเปล่า ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะครับ :)

วันจันทร์ที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2555

Half รีวิว: สนุกคิดในชีวิตประจำวันแบบเศรษฐศาสตร์ (The Economic Naturalist)


รีวิว หนังสือ(ซื้อมา)ใหม่ - สนุกคิด ในชีวิตประจำวัน แบบเศรษฐศาสตร์

รีวิวหลังจากอ่านไปครึ่งเล่ม

เป็นหนังสือที่น่าสนใจโดยเฉพาะการพยายามตอบคำถามที่น่าสงสัยรอบ ๆ ตัวเรา ด้วยทฤษฏีทางเศรษฐศาสตร์ เรื่องที่อ่านแล้วเข้าใจและน่าสนใจที่สุดที่อ่านเจอคงเป็น "ทำไมเจ้าสาวจึงยอมเสียเงินจำนวนมากไปกับชุดแต่งงานทั้งที่ใส่เพียงหนเดียว แต่เจ้าบ่าวกับนิยมเช่าสูท ทั้งที่ใส่ได้อีกหลายงาน"(ยาวไปนิดนึง) แต่บางเรื่องนั้น หลังจากอ่านแล้วก็ค่อนข้างงง คือการให้คำตอบหรือบทสรุปไม่ค่อยให้ความกระจ่างเท่าใดนัก (สงสัยตั้งใจอ่านไม่พอ)

แต่ข้อดีก็คือ แต่ละเรื่องนั้นจะถูกเขียนออกมาเป็นภาษาที่เข้าใจง่าย ไม่มีคำศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ที่ชวนปวดหัว และแต่ละเรื่องเป็นการยกตัวอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ตัว ซึ่งก็ช่วยให้เห็นภาพมากขึ้นด้วย รวมไปถึงการที่ผู้เขียนมีการเกริ่นปูความรู้พื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ก่อนจะผูกความรู้เข้ากับแต่ละเรื่องที่ใช้เป็นตัวอย่าง ซึ่งการนำความรู้ที่ได้ให้ในช่วงแรกไปประยุกต์และผูกอธิบายเข้ากับเรื่องที่จะยกตัวอย่างนั้น ช่วยให้เข้าใจแนวคิดนั้นได้ง่ายขึ้นด้วย...

สรุปแล้วเป็นหนังสือที่น่าอ่านมาประดับความรู้อีกเล่มหนึ่ง ช่วยกระตุ้นการช่างสังเกตุ การตั้งคำถามและการตอบโดยการใช้ความคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล รวมทั้งเป็นแสดงการประยุกต์วิชาที่น่าเบื่อและยากที่จะเข้าใจอย่างวิชาเศรษฐศาสตร์ให้สามารถเข้าใจได้ง่ายขึ้นด้วย