วันพุธที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2559

2016 สงกรานต์ ทริป: ฉงชิ่ง อู่หลง ต้าจู่ Day 2

วันนี้เริ่มด้วยอาหารเช้าที่โรงแรม เป็นบุฟเฟต์แบบจีน ๆ แอบมีขนมปังและเค็กแบบฝรั่งปนมานิดหน่อย ที่เหลือก็จีนจริงจัง อาหารโดยรวมรสชาติถือว่าดี แต่ติดที่เค็มและมัน เลยไม่กล้ากินเยอะเกรงว่าจะเกิดการตีกลับระหว่างนั่งรถทางไกล

ก๋วยเตี๋ยวผัดสไตล์จีน ๆ บอกเลยว่ามันและเค็มมาก

เนื้ออะไรซักอย่างปิ้ง รสชาติดีแต่เค็มมาก ต้องกินคู่กับข้าวผัดจืดหรือข้าวต้ม ส่วนแตงกวาข้าง ๆ ไม่ค่อยเค็มเท่าไหร่

ออกโรงแรมมาก็พบว่า วันนี้อากาศเย็นลงกว่าเมื่อวาน ถือว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่จะได้ใส่เสื้อกันหนาวที่แบกมาจากไทย หลังจากเดินย่อยอาหารหน้าโรงแรมได้พักนึงก็ได้เวลาเดินทางไปยังเมืองอู่หลง (Wulong - 武隆) ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง

***เมือง อู่หลง (Wulong - 武隆) ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองฉงชิ่ง เป็นเมืองที่โอบล้อมด้วยภูเขาสูง มีแม่น้ำอู่เจียงตัดผ่านเป็นแม่น้ำสายหลักในเมืองอู่หลง เป็นเมืองที่มีอากาศดีและอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่งดงาม ถนนเป็นทางด่วนพิเศษตลอดเส้นทาง เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางหุบเขาโอบล้อมด้วยภูเขาสูง ทำให้เมืองนี้มีป่าไม้และพื้นที่สีเขียวเยอะและอากาศดี มีแม่น้ำอู่เจียงตัดผ่านกลางเมือง

ช่วงเวลา 8:30-9:30 ถือเป็นชั่วโมงเร่งด่วน (Rush Hour) ของที่ฉงชิ่ง รถจึงติดพอสมควร แต่ยังเคลื่อนได้เรื่อย ๆ ไม่ติดแหงกเหมือนที่กรุงเทพ กว่าจะเดินทางถึงเมืองอู่หลงก็เกือบเที่ยง ก็ได้เวลาแวะกินข้าวเที่ยง ก่อนจะไปเที่ยวต่อ อาหารแถวนี้ก็ยังเค็มและมันตามสไตล์อาหารจีนแถบนี้


กินเสร็จก็ขึ้นรถและได้เวลาชมระเบียงแก้วอู่หลง ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของทริปนี้เลย ระเบียงแก้วทำออกมาได้น่าสนใจมาก แถมยังใหม่พื้นก็เลยไม่มีริ้วรอยหม่นหมอง แต่น่าเสียดายพระอาทิตย์ไม่เป็นใจ เลยจัดแดดมาให้แรงไปหน่อย รูปที่ถ่ายออกมาเลยสะท้อนเกือบหมด ภาพเลยไม่ค่อยสวยเท่าที่ควร

** ระเบียงแก้วอู่หลง (Wulong National Geological Park Glass Platform) เป็นสะพานที่มีพื้นที่หน้ากว้างที่กว้างที่สุดในโลก จุดชมวิวแห่งนี้เป็นหน้าผาสูง จากระดับนำ้ทะเล 1200 เมตร มีพื้นที่ยื่นออกจากหน้าผา 11 เมตร ความยาว 26 เมตร ความสูงแนวตั้งจากด้านล่างของหน้าผาสูง 280 เมตร วางแผนและออกแบบ โดยผู้เขี่ยวชาญจากในและต่างประเทศกว่า 20 ท่าน ถือได้ว่าเป็นจุดชมวิวสะพานแก้วที่ติดอันดับแผ่นกระจกกว้างที่สุดในโลก

เหล่านักท่องเที่ยวที่พร้อมเต๊ะท่าถ่ายรูปและยืนชมบรรยากาศ

สามารถมองเห็นพื้นด้านล่างไกลลิบ ตรงลงไปก็คงไม่รอด

ถ้าสังเกตุดี ๆ จะเห็นลิฟท์แก้วที่เป็นจุดหมายต่อไปอยู่ไม่ไกล

จากนั้นก็ได้เวลาสู่ไฮไลท์ของทริปนั้นก็คือ หลุมฟ้าสะพานสวรรค์ ยังเป็นฉากที่ถ่ายทำหนัง Transformer 4 อีกด้วย (ฉากที่ต่อสู้กับไดโนเสาร์ยักษ์) มี Bumblebee มายืนต้อนรับเลยทีเดียว ถ้าไม่ได้ถ่ายถือว่ามาไม่ถึง (สำคัญกว่าป้ายข้าง ๆ อีก) เดินเข้าไปซักหน่อยก็ได้เวลาลงลิฟท์แก้ว ซึ่งควรจะเป็นอีกจุดเด่นของที่นี่ถ้ามันเป็นลิฟท์แก้วที่ใส แต่ความจริงไม่ใช่มันเต็มไปคราบและริ้วรอย มุมมองที่ได้จึงเหียกมาก หาความใสไม่เจอเลยทีเดียว ลิฟท์แก้วนี้พาเราเดินทางลึกลงไปประมาณ 80 เมตรครับ

** อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า-สะพานสวรรค์ (The Three Natural Bridges - 天生三橋) แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติระดับมรดกโลกแหล่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจากยูเนสโก้ ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติในปี คศ 2007 อุทยานหลุมฟ้า-สะพานสวรรค์เคยเป็นสถานีม้าเร็วในสมัยถัง และแห่งนี้เกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกกลายเป็นหลุมธรรมชาติขนาดใหญ่


ลงลิฟท์แก้วมาก็มองเห็นบันไดเลย แต่ดูแล้วคงไม่ไกลเท่าไหร่

ลองมองย้อนขึ้นสามารถเห็นระเบียงแก้วที่พุ่งออกมาจากหน้าผาด้วย

การเดินทางเป็นทางลงทั้งหมด เลยไม่โหดมากแต่ขั้นบันไดหน้าไม่กว้างมาก และความชันไม่เท่ากันทำให้ต้องเดินอย่างระวังนิดนึง แถมบางช่วงไม่มีราวให้จับ แถมอีกนิดที่บางพื้นที่ก็เว้นที่ให้หินโผล่ขึ้นมาเกร๋ ๆ พอให้เดินสะดุด ดังนั้นถ้ามัวแต่เดินไปถ่ายรูปไปอาจกลิ้งลงเขาได้

เส้นทางเดินเท้าเที่ยวชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของกลุ่มสะพานสวรรค์ (กลุ่มสะพานหินธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย) ซึ่งประกอบด้วย 3 สะพาน แห่งแรกคือ สะพานมังกรสวรรค์ (Tianlong Bridge - 天龙桥) ลักษณะเป็นโพรงขนาดใหญ่ เมื่อมองทะลุออกไปคล้ายกับสะพานเชื่อมสวรรค์กับโลกมนุษย์ แห่งที่สองคือ สะพานมังกรเขียว (Qinglong Bridge - 青龙桥) ลักษณะเป็นหน้าผาทิ่มแทงไปในท้องฟ้า แห่งที่สาม คือ สะพานมังกรดำ (Heilong Bridge - 黑龙桥) ลักษณะเป็นโตรกหน้าผาอยู่ในส่วนที่แคบที่สุด แสงผ่านเข้าไปน้อย ทำให้ดูค่อนข้างมืดดำ ลองสังเกตุดูเอาเองนะครับว่าจุดไหนเป็นสะพานอะไร



บ้านทีเด็ดที่เหล่านักท่องเที่ยวต้องแชะภาพกลับไปแทบทุกคน

มมมองจากด้านล่างมองย้อนกลับไปด้านบนครับ จะเห็นคนเดินลงมาเป็นสาย

บรรยากาศด้านในไม่มีอะไรมากครับ เป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่จัดของต่าง ๆ พอให้ได้ดู

หลังจากเก็บภาพบรรยากาศภายในและภายนอกบ้านเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินชมทางธรรมชาติของกลุ่มสะพานสวรรค์ เดินมาได้นิดหน่อยก็เจอของธรรมชาติเลย  Optimus Prime ขี่ไดโนเสาร์เหล็ก ถ้าสนใจมุมนี้มีช่างภาพชาวจีนช่วยแชะให้ด้วยนะ รับรองได้ภาพสวย ๆ กลับบ้านแน่นอน แลกกับเงินหยวนนิดหน่อย (เท่าไหร่ไม่รู้ไม่ได้ถามราคา)


เดินเลยออกมาก็ได้เวลาเดินชมความงามที่ธรรมชาติและฝีมือคนจีนที่รังสรรค์เส้นทางและสะพานอันแสนงดงาม เส้นทางก็ไม่ใกล้ครับ แต่ความสวยงามและร่มรื่นทำให้เดินได้เพลิน อากาศค่อนข้างสบาย แถมมีน้ำมนต์จากฟ้าพรมมาเป็นละอองพอให้รู้สึก




ดูออกไหมเอ่ย ว่าเป็นรูปอะไร


เดินมาถึงสุดทางก็ได้เวลากลับขึ้นไป ขากลับดีหน่อยที่ไม่ต้องเดินขึ้น เขามีรถรับส่งไปยังที่พักรถด้านบน คาดว่าถ้าให้เดินเอง คงถึงดึก ๆ แน่นอน


พอรถจอดก็ได้เวลาเดินช็อปปิ้งอาหารเติมพลัง ตามประสาคนไทยหนาวแค่ไหนเราก็จะกินไอติม ไม่เหมือนคนจีนนะครับ กินแตงกวาแก้ร้อน... ไอติมนี้ใช้ภาษาใบ้ซื้อมาจากอาม่าในราคา 6 หยวน รสชาติโอเคเลยครับ สงสัยหิวมั้ง


อีกหนึ่งของเด็ดที่เห็นขายอยู่ข้างทางมันก็คือ ขนมหิน อันนี้ผมตั้งให้เอง ขนมหิน คือแป้งทอดที่เราสามารถซื้อได้ในราคา 4 ชิน 10 หยวน เมื่อเราตกลงซื้อแล้ว จอมยุทธ์หญิงก็จะหยิบขึ้นจากเตา จากนั้นก็เกร็งลมปราณและปล่อยฮาคิเข้าไปในมีดเพื่อเฉือนขนมชิ้นนี้ จากนั้นโรยถั่วเหลือง ด้วยอารมณ์(ที่ใบหน้า)สุดเซ็ง ก่อนยื่นให้เรา สัมผัสที่ได้จับคือมันแข็งมาก แต่ก็ยังทำใจดีว่ามันอาจจะกรอบก็ได้ พอได้กัดเข้าไปเท่านั้นแหละ ยกธงขาวยอมแพ้ทันที เกรงว่าฟันจะหักแล้วจะกินอย่างอื่นไม่ได้


พอปีนขึ้นรถเสร็จก็ขอแอบงีบเอาแรงนิดนึง ก่อนเข้าพักที่โรงแรม Tian Yu โรงแรมนี้เหมือนจะมีส่วนประกอบเป็นหินซะส่วนใหญ่ทำให้อากาศภายในโรงแรมค่อนข้างเย็น ด้วยความที่ทำเวลาเที่ยวได้ค่อนข้างดีก็เลยมีเวลาพักสายตาประมาณครึ่งชั่วโมง ก่อนออกไปกินข้าวเย็นที่โรงแรมใกล้เคียง ก่อนไปดูโชว์สุดพิเศษที่ต้องเสียเงินเพิ่มอีกคนละ 300 หยวน เพราะมันไม่ได้รวมในแพ็คเกจทัวร์นี้


พอดีว่าลืมเอากล้องลงไปเลยไม่ได้ถ่ายรูปอาหารเย็นมาดู ตอนนี้เวลาประมาณเกือบ 1 ทุ่มแล้ว ก็ได้เวลาออกเดินทางไปยังสถานที่การแสดง ประทับใจอู่หลง (Impression Wulong) การแสดงที่มีที่นี่ที่เดียวเท่านั้น

Impression Wulong 印象武隆 เป็นการแสดงประวัติศาสตร์และเรื่องราวของชนเผ่าพื้นเมืองของที่อู่หลงในอดีต  โดยชาวอู่หลงในอดีตมีอาชีพเป็นชาวประมง ที่คอยช่วยลากเรือเข้าฝั่ง และลากเรือผ่านจุดที่ตื้นเขินของแม่น้ำ ชาวอู่หลงทำอาชีพนี้มายาวนานนับพันปี จนกระทั่งเรือไอน้ำได้เข้ามาในแม่น้ำแห่งนี้ ทำให้อาชีพนี้เริ่มไม่เป็นที่ต้องการ และการสร้างเขื่อนขึ้นก็ทำให้อาชีพและบทเพลงของชาวประมงหายไป... นอกจากเรื่องราวของชาวประมงแล้ว ยังมีเรื่องราวทางวัฒนธรรมของชนเผ่าที่นี่ ที่ต้องมีการร้องไห้ในวันแต่งงาน อยากรู้ว่าทำไมก็ไปดูในโชว์เองแล้วกันครับ

การแสดงทำออกมาได้น่าสนใจดีนะครับ แต่ด้วยความที่เป็นภาษาจีนทั้งหมด มีซับให้อ่านที่จอบางครั้ง ทำให้ไม่ค่อยอินเท่าไหร่ ยังดีที่เนื้อหาพอเข้าใจได้ไม่ยากทำให้ยังพอดูรู้เรื่อง การแสดงนี้เป็นการแสดงกลางแจ้ง โดยอาศัยฉากหลังเป็นภูเขาทำให้การแสดงดูขลังดีครับ


การไปยังเวทีต้องเดินทะลุอุโมงค์ที่เจาะทะลุเขา

สถานที่แสดงใหญ่มาก เวทียิ่งใหญ่อลังการ
ตอนเดินมาค่อนข้างหนาวแต่พอนั่งแล้วอุ่นขึ้นนิดนึง

การแสดงพร้อมเพรียงและสวยงาม

ฉากพื้นหลังของการแสดงเป็นป่าและขุนเขาของจริง อาศัยการเล่นแสงและสี ทำให้เกิดความสวยงามในการรับชม

หลังจากที่ได้ดูจนจบก็เป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าก็ได้เวลากลับที่พักเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันพรุ่งนี้ สำหรับคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์ครับ

<< Day 1 สวนเอ๋อหลิ่ง || Day 3 ถ้ำฝูหยงต้ง-หงหยาตัง-ถนนคนเดินเจี่ยฟ่างเปย >>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น